posttoday

รัฐบาลน้อมนำศาสตร์พระราชาพาประชาชนหลุดพ้นความจน

18 พฤศจิกายน 2559

รัฐบาลน้อมนำศาสตร์พระราชาบริหารราชการแผ่นดินนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมทุกด้าน

รัฐบาลน้อมนำศาสตร์พระราชาบริหารราชการแผ่นดินนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมทุกด้าน    
 
เมื่อวันที่18พ.ย.59 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ“ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ตั้งแต่ปี2557-2560 และในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า เพื่อนำไปสู่“ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ด้วยการน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” ไปสู่การปฏิบัติตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางให้หลุดพ้นกับดักจากความยากจนได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมมีความมั่นคงปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม

การสร้างประเทศไทยให้เข้มแข็งมีวัฒนธรรม เป็นระบบนิติรัฐ ต้องขจัดขบวนการทุจริต ผู้มีอิทธิพล เอารัดเอาเปรียบ ให้เร็วที่สุดและ ขจัดการทุจริต คอร์รัปชั่น โดยเราจะมีการดำเนินการทั้งมาตรการทางกฎหมาย และมาตรการทางสังคม คนไม่ดี ไม่มีคุณธรรม ทำผิดกฎหมาย ต้องไม่มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป ใช้กฎหมายอย่างเดียวอาจจะไม่ทันการ ไม่เพียงพอ แต่จะต้องไม่ทะเลากันะเบาะแว้งกันและต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เว้นแต่หากว่าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วได้รับการปรับปรุงตัวเองแก้ไข กระบวนการยุติธรรมตัดสินจนได้ข้อยุติ รับโทษทัณฑ์มาแล้วก็จบ ส่วนด้านการต่างประเทศนั้น สถานการณ์ในปัจจุบันนั้น จะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมาย รวดเร็ว ฉะนั้นเราจำเป็นต้องวางบทบาทของประเทศไทยทั้งในทวิภาคี และเวทีประชาคมโลกให้เหมาะสม
         
สำคัญที่สุดคือคนไทยมีเกือบทั้ง70ล้านคนต้องรวมพลังกันที่จะร่วมกันปฏิรูปประเทศ ด้วยความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ด้วยวิสัยทัศน์ ศึกษายุทธศาสตร์ชาติ สร้างทัศนคติที่ดีต่อกัน ซึ่งจะต้องทำอย่างครบวงจร มีประชาชนเป็นศูนย์กลางหากเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย การปฏิรูปประเทศไม่มีวันจะสำเร็จ เปรียบเสมือนเรากำลังสร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างรากแก้วให้เข้มแข็ง จากไม้อันเล็กๆมารวมกันเป็นมัดใหญ่ได้ ทุกอย่างความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินฝันของคนไทยทุกคน รัฐบาลและ คสช. จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มสติและความสามารถ ทั้งนี้ เพื่อนำพาประทศชาติและประชาชนฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ พร้อมกับประชาชนทุกคน
 
รัฐบาลได้น้อมนำศาสตร์พระราชาที่สำคัญก็คือ“เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาประยุกต์ใช้ ร่วมกับศาสตร์อื่นๆให้เหมาะสมกับบริบทของประชาชน ท้องถิ่น สถานการณ์ และสภาพของปัญหาด้วยการ “ระเบิดจากข้างใน”เน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่น โดยให้ทุกกระทรวง จัดทำยุทธศาสตร์ เป็นแผนที่นำทาง ระยะเวลา 20 ปี ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ

สำหรับแผนสามารถปรับปรุงได้ตามความเหมาะสม อาจมีการทบทวนรายปีและ 5 ปีเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ทั้งในประเทศและสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามสำหรับการทำงานร่วมกันของรัฐบาล,สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ให้มีการทำงานอย่างประสานสอดคล้องกัน โดยยึดหลัก “ธรรมาภิบาล” 6 ประการ ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบและหลักความคุ้มค่า.