posttoday

เปิดคดีถอดถอน "นริศร"เสียบบัตรแทน เจ้าตัวยันไม่ได้ทำ

06 ตุลาคม 2559

สนช.เปิดคดีถอดถอน "นริศร" เสียบบัตรแทนกัน ป.ป.ช. ชี้ ขัดรธน.-ไม่ซื่อสัตย์ ผิดอาญา เจ้าตัวยันเสียบแค่บัตรตัวเอง

สนช.เปิดคดีถอดถอน "นริศร" เสียบบัตรแทนกัน ป.ป.ช. ชี้ ขัดรธน.-ไม่ซื่อสัตย์ ผิดอาญา เจ้าตัวยันเสียบแค่บัตรตัวเอง

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนนายนริศร ทองธิราช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออกจากตำแหน่ง (กรณีใช้บัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ลงคะแนนแทนบุคคลอื่น) ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยเป็นการแถลงเปิดสำนวนตามรายงานและความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และการแถลงคัดค้านโต้แย้งคำแถลงเปิดสำนวนหรือรายงานพร้อมความเห็นของป.ป.ช. ของผู้ถูกกล่าวหา

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช.ในฐานะผู้กล่าวหา เปิดแถลงสำนวนว่า กรณีดังกล่าวเริ่มต้นจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และส.ส.อีกจำนวน 144  คน ขอให้ถอดถอนส.ส. และส.ว. จำนวน 383 คน เนื่องจากใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งปรากฏว่าในกรณีของนายนริศร ป.ป.ช.มีมติให้แยกดำเนินการไต่สวนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งในการไต่สวนได้ความได้ว่า ขณะเกิดเหตุ ในการประชุมรัฐสภาระหว่างวันที่ 10-11 ก.ย. 56 ลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ประเด็นเกี่ยวกับที่มาส.ว. ได้ลงมติแทนคนอื่นโดยไม่ชอบ โดยนำบัตรลงคะแนนของผู้อื่นจำนวน 3 บัตร มาช่วยลงคะแนนแทนด้วย ซึ่งป.ป.ช. มองว่าใช้บัตรผู้อื่นโดยมิเชอบ และทำให้การลงมติไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง

น.ส.สุภา กล่าวอีกว่า จากหลักฐานคลิปวิดีทัศน์ภาพและเสียงที่น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีตส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ มอบให้บุคคลที่ไว้วางใจบันทึกไว้ ประกอบกับนายนริศรไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่บุคคลที่ปรากฏในคลิปจึงทำให้หลักฐานมีน้ำหนักเชื่อได้ว่า คลิปดังกล่าวเป็นการใช้บัตรคนอื่นออกคะแนนเสียงแทนเป็นจริง

น.ส.สุภา กล่าวต่อว่า สำหรับการชี้แจงของนายนริศรที่ระบุว่าตนเองมีบัตรหลายใบนั้น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่สภาได้ความว่า ส.ส.แต่ละคนจะมีบัตรอยู่ 3 ประเภท คือ 1.บัตรจริง ซึ่งภายในบัตรประกอบด้วยรูปส.ส. ชื่อนามสกุล สังกัดพรรค เลขประจำตัว 2.บัตรลงคะแนนสำรอง จะไม่มีรูป มีแต่ชื่อ เลขประจำตัว สังกัดพรรค ซึ่งกลุ่มงานบริหารทั่วไป สำนักประชุมจะเป็นผู้เก็บไว้ หากสมาชิกต้องการจะต้องเขียนคำขอยื่นไปใช้ และ3.บัตรลงคะแนนพิเศษ จะมีแต่เลขประจำตัว กลุ่มงานบริหารทั่วไป สำนักประชุม เป็นผู้ดูแลเช่นกัน ถ้าลืมทั้งบัตรประเภทที่1 และ2 สามารถใช้บัตรลงคะแนนพิเศษซึ่งสมาชิกก็ต้องยื่นคำขอเช่นกัน

"จากการไต่สวนเจ้าหน้าที่สภา และในคลิปบัตรลงคะแนนทั้ง 3 ใบ มีรูปทั้งหมด ดังนั้น บัตรที่ครอบครอง เป็นบัตรจริง ดังนั้นข้อชี้แจงของนายนริศรจึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อ ประกอบกับการไต่สวนของป.ป.ช.ถามถึงรัฐสภาว่ามีการทำบัตรใหม่ให้นายนิรศรหรือไม่ คำตอบ คือ ไม่ ส่วนการชี้แจงว่าการลงมติเป็นเอกสิทธิ์เด็ดขาดไม่สามารถฟ้องร้องได้ การลงมติสมาชิกมีเอกสิทธิ์ก็จริง แต่ต้องเป็นเอกสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ จะเป็นเอกสิทธิ์เด็ดขาดฟ้องร้องไม่ได้ต่อเมื่อการลงมตินั้นอยู่ภายใต้ความซื่อสัตย์ที่ได้ปฏิญาณไว้ แต่การเสียบบัตรแทนผู้อื่นถือว่าไม่ซื่อสัตย์ย่อมทำให้ไม่ได้รับการคุ้มครองแต่ประการใด"กรรมการป.ป.ช.  กล่าว

ป.ป.ช.วินิจฉัยว่าการกระทำเป็นการใช้สิทธิ์เกินมาตรา 123 ของรัฐธรรมนูญ ใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกระทำของนายนริศรมีมูลความผิดทางอาญา 

ด้านนายนริศร ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา แถลงคัดค้านว่า ยืนยันใช้บัตรของตนหนึ่งใบในการลงคะแนน ส่วนที่ปปช.ยืนยันว่าคลิปไม่ตัดต่อนั้น ตนเห็นยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ และอยากถามผู้กล่าวหาว่าหากตนเสียบแทนจริง ปปช.ทราบหรือไม่ว่าบัตร 2 ใบ ในคลิปเป็นของใคร ยืนยันได้หรือไม่ว่าเป็นของใคร

จากนั้น ที่ประชุมสนช.ได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการประเด็นซักถามเพิ่มเติม จำนวน 7 คน ซึ่งสมาชิกสามารถเสนอญัตติเพื่อซักถามได้ภายในวันที่ 11 ต.ค. 59  และกำหนดให้มีการประชุมสนช. เพื่อซักถามผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาในวันที่ 14  ต.ค.