posttoday

ถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ10เท่า ถ้าประชาชนอยู่ดีกินดีไม่เป็นไร

14 พฤษภาคม 2559

หลังออกมากระทุ้งรัฐบาลและ คสช.จนทำให้ คสช.ต้องผวา วานนี้ (13 พ.ค.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์

หลังออกมากระทุ้งรัฐบาลและ คสช.จนทำให้ คสช.ต้องผวา วานนี้ (13 พ.ค.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดบ้านพักซอยปิ่นประภาคม ทำบุญเลี้ยงพระครบรอบวันคล้ายวันเกิด 84 ปี พร้อมให้ความเห็นถึงสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งมีสาระน่าสนใจดังนี้

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ขณะนี้โครงสร้างประชากรของไทยก็ยังเหมือนเดิม คือมีคนรวยกับคนจน ซึ่งจะต้องให้ความสนใจในเรื่องของเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนให้มากขึ้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ปากท้องของประชาชน เพื่อให้คนอยู่ได้ ส่วนการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ทำให้เศรษฐกิจดีหรือไม่นั้นต้องไปถามประชาชนว่ากินอิ่มนอนหลับหรือไม่ ถ้าหากประชาชนยังไม่มีกินก็ต้องไปแก้ปัญหาตรงนี้ จะไปเสียเงินแก้รัฐธรรมนูญทำไม

“มีรัฐธรรมนูญตั้ง 20 ฉบับก็ไม่ดีอะไร ทะเลาะกันประจำ ในเรื่องการลงประชามติ ก็ไม่ได้ว่าเพราะถือเป็นต้นแบบในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่อให้มีร่างรัฐธรรมนูญดีขนาดไหน ถ้าประชาชนไม่มีจะกินก็แย่”

อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรจะได้รับการศึกษาในเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่สิ่งที่เป็นห่วงมากกว่านั้น ก็คือความเจ็บปวดของประชาชน เนื่องจากไม่มีกินไม่มีใช้ ต้องระวัง จะไปโทษประชาชนก็ไม่ได้ โทษผู้บริหารก็ไม่ได้ ต้องโทษพวกเรากันเองที่อยู่ตรงนี้ที่ทำความเข้าใจให้ประชาชนและผู้บริหารไม่ได้ เพราะตนเองพูดอะไรก็ไม่ค่อยดี พูดอะไรก็ไม่ได้

พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า เพราะเหตุใดทุกคนจึงสนใจร่างรัฐธรรมนูญกันมาก หรือแค่เพราะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ใครเป็นคนบอก ต่อให้มีรัฐธรรมนูญสัก 50 ฉบับ หากบ้านเมืองอยู่ดีกินดีจะไม่ว่า แต่ในขณะนี้มีร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับแรกจนฉบับสุดท้ายก็ยังไม่ดี

“ยืนยันได้หรือไม่ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเสียเงินเท่าไหร่หรือทะเลาะกันอย่างไร มาพนันกันได้หรือไม่ ว่าหลังจากนี้จะไม่มีรัฐประหาร ยึดอำนาจ ไม่มีทหารเข้ามาฉีกรัฐธรรมนูญอีก ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่า เพราะทหารที่เข้ามาก็เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดี”

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญควรนำเรื่องหลักๆ มาบรรจุไว้ ก็คืออำนาจอธิปไตยหรือความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งมีปัจจัยสำคัญ คือ 1.อธิปไตยเป็นของปวงชน 2.เสรีภาพบุคคล ซึ่งเป็นของคู่กันในเสรีภาพบุคคล ซึ่งรัฐธรรมนูญก็เปรียบเหมือนคาน ที่ข้างหนึ่งเป็นอธิปไตยปวงชน อีกข้างเป็นเสรีภาพบุคคล ถ้าหากข้างที่เป็นอธิปไตยปวงชนสูง หมายถึงว่า ผู้ปกครองสามารถทำอะไรต่างๆ ได้ คานก็จะกระดก ความเป็นเสรีภาพบุคคลก็จะตกลง และถ้าขึ้นถึงสูงสุดก็จะเรียกว่าเผด็จการ ความเป็นเผด็จการมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับตรงนี้ ถ้าตรงกันข้าม เสรีภาพของบุคคลมากขึ้น ก็จะเกิดความวุ่นวายเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากเห็นมานานแล้ว แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่จบคือการแก้ความยากจน จึงได้บอกกับประชาชนว่า ภารกิจสุดท้ายยังมีอยู่ ไม่ว่าทุกคนจะทำงานในด้านไหนก็ตาม แต่สิ่งสำคัญก็คือทำให้ประชาชนมีความสุข อยู่ดีกินดี ซึ่งการแก้ไขปัญหาของประเทศที่ยังไม่เสร็จสิ้นอาจจะเป็นเพราะแก้ไม่ถูกต้องหรือตามสถานการณ์ไม่ทัน เพราะฉะนั้นจะต้องให้โอกาสผู้บริหารประเทศที่ต้องพยายามปรับแก้กันต่อไป

“ผมยังเชื่อในตัวผู้นำ ซึ่งในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ท่านพยายามแก้ไขปัญหาและมีคนดีๆ อยู่ข้างตัวท่านเยอะ แต่จะแก้ปัญหาถูกหรือไม่นั้น พวกเราต้องมาช่วยกันดู ทั้งนี้หากแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็อย่าไปโทษท่าน เพราะคนก่อนๆ หน้านี้ก็แก้ปัญหาไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องรู้ว่าอะไรที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหานั้นได้ถูกต้อง ส่วนที่ต่างชาติแสดงความกังวลว่าคนไทยถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพนั้น ผมมองว่า ถึงแม้จะถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ 10 เท่า แต่ถ้าประชาชนอยู่ดีกินดี ก็ไม่เป็นไร”

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ขณะนี้ทุกคนต้องช่วยกัน ช่วยผู้ปกครองประเทศ ซึ่งไม่ได้มาเชียร์และไม่ได้หวังจะเป็นอะไร เพราะในชีวิตนี้ก็ไม่ได้ต้องการจะเป็นอะไร ต้องการเพียงอย่างเดียวให้ภารกิจสุดท้ายในชีวิตมีความสำเร็จ คือเรื่องความยากจน ถือเป็นการแสดงออกในเรื่องอธิปไตย ซึ่งการแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ยากเลย วิธีการแก้ปัญหาจะทำอย่างไรนั้น จะบอกแค่บางท่านเท่านั้น

“ในหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวกันในทางการเมืองซึ่งผมพูดมากไม่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้คงมีหนังสือพิมพ์ออกมาด่าบิ๊กจิ๋ว ว่า เชลียร์ คสช. ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ตราบใดที่ผมทำในสิ่งที่ถูกต้อง” พล.อ.ชวลิต กล่าวทิ้งท้าย