posttoday

"มีชัย"รับพิมพ์ผิดเลือกนายกฯคนนอกต้องใช้มติ2ใน3

25 มีนาคม 2559

"มีชัย"รับพิมพ์ผิดปมเลือกนายกฯคนนอกต้องใช้เสียงในรัฐสภา500คนพร้อมถอนตัวเลือกสว.แม้เป็นสมาชิกคสช. พร้อมเผย"บิ๊กตู่"โอเคในสิ่งที่กรธ.เขียน

"มีชัย"รับพิมพ์ผิดปมเลือกนายกฯคนนอกต้องใช้เสียงในรัฐสภา500คนพร้อมถอนตัวเลือกสว.แม้เป็นสมาชิกคสช. พร้อมเผย"บิ๊กตู่"โอเคในสิ่งที่กรธ.เขียน
 
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรม ดิ อิมพีเรียล หัวหิน บีช รีสอร์ท จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกรธ.ว่า ขอแก้ข่าวเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยกรธ.ยังคงยืนยันว่าหากจะมีการเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนอกบัญชีรายของพรรคการเมือง จะต้องให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติ 2ใน3 หรือ 500 คนจากสส.และสว.ทั้งหมด 750 คนตามก่อนให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกฯตามเดิม ไม่ใช่มติ3ใน5หรือ 450 ของสส.และสว.ทั้งหมด 750 คนตามที่นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรธ.แถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค.
           
"ขอแก้ข่าว เมื่อเช้าตกใจเห็นสื่อมวลชนไปพาดหัวข่าวว่า กรธ.กลับลำ 360 องศา ตกใจว่าเปลี่ยนแปลงตัวเลขดังกล่าวตั้งแต่เมื่อใด เพราะตามข้อตกลง คือตัวเลข 2 ใน 3 ซึ่งได้สอบถามอาจารย์อุดมและได้รับคำชี้แจงว่าเอกสารรายละเอียดที่พิมพ์มานั้น คือตัวเลข 3 ใน 5  แต่ผมทักท้วงว่าตอนที่คุยกันคือเลข 2ใน3ทุกที เมื่อตรวจสอบอีกครั้งจึงพบว่าเป็นความผิดของผมเอง คือ ตอนพิมพ์นั้นมือของตนคงไปพิมพ์เป็น 3 ใน 5 เพราะมีการพูดถึงเรื่องตัวเลขทั้ง 2 แบบ จึงเกิดการสับสน และมือก็พิมพ์ตามที่เถียงๆ กัน เมื่อพิมพ์แล้วกรธ.ก็ไม่มีใครกล้าถาม จากนั้นจึงนำไปแถลงเป็นตัวเลข 3ใน5 ตามข่าว ดังนั้นขอแก้ข่าวในส่วนดังกล่าวด้วย และยืนยันใช้ตัวเลขเดิม คือ 2 ใน 3  ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ และขอยอมรับในความผิดพลาด" นายมีชัย กล่าว
           
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาทบทวนร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา นายมีชัย กล่าวว่า จากสถิติที่ทำมา 2 วันพบว่าไปได้ช้า ในที่สุดเขาเห็นว่าที่ช้า เพราะตนนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย เพราะเมื่อใครมีข้อสงสัยจะสอบถามตนให้มีคำอธิบาย เมื่อตนไม่อยู่ในห้องประชุมการพิจารณาทำได้เร็ว ดังนั้น กรธ. จึงเห็นว่าวันนี้ (25 มี.ค.) ช่วงบ่ายให้ตนขึ้นไปนอน ไม่ให้ทำแล้ว ส่วนมีข้อติดขัดก็ค้างพิจารณาไว้ก่น
               
เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์ที่ให้คสช.มีอำนาจเลือกสว.250คนในขั้นตอนสุดท้ายคืออาจเป็นการสืบทอดอำนาจ ประธานกรธ. กล่าวว่า "จะสืบทอดอะไร เพราะสว.ไม่มีอำนาจตั้งนายกฯ  เพราะอำนาจตั้งนายกฯ คือ สส.  ดังนั้นสืบทอดอำนาจไม่ได้ เพราะเวลายกเว้นไม่เอาบัญชีนายกฯ ของพรรคการเมือง เราได้โยนกลับไปที่สส. ให้ดำเนินการเลือกนายกฯ ซึ่งไม่เกี่ยวกับส.ว.ที่ตั้งเข้ามา"
           
เมื่อถามว่า เหตุผลอะไรที่คสช. ยังมีสิทธิเลือกสว.ในส่วนที่มาจากการเลือกกันเองตามกลุ่มวิชาชีพจำนวน 50 คน นายมีชัย กล่าวว่า ตนคิดว่าการได้ทดสอบเลือกกัน จะได้เห็นข้อดีข้อเสียที่ต้องกลับไปคิดได้ว่า จะต้องปรับปรุงวิธีการอย่างไร ในครั้งแรกไม่เป็นไรขอเลือกกันมาก่อน และในตอนสุดท้ายเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าส่วนหนึ่งมาจากการเลือก ส่วนหนึ่งมาจากการสรรหาแล้วจะกลายเป็นแยกส่วนกัน ให้ตั้งมาจากที่เดียวกันเพื่อเป็นพวกเดียวกันหมด
           
สำหรับความจำเป็นที่ต้องบัญชีรายชื่อสว.สำรอง นายมีชัย อธิบายว่า  เหตุผลที่ต้องเขียนให้มีบัญชีสำรอง เพื่อไม่ต้องกลับไปเลือกใหม่ อีกอย่างหนึ่ง คสช. และกรรมการสรรหาสว.จะหมดไปแล้ว เมื่อเลือกเสร็จ หากจะย้อนกลับมาตั้งกันใหม่ก็จะวุ่นวาย จึงคิดว่าเมื่อได้เลือกแล้วก็ให้เลือกสำรองไว้ เมื่อขาดตกบกพร่องจะได้เอาตัวสำรองมาแทน
           
ประธานกรธ. กล่าวว่า อย่างไรก็ตามรายชื่อในบัญชีสำรองนั้น กำหนดให้ คสช. จัดและเรียงลำดับชัดเจน เหมือนกับการจัดลำดับบัญชีรายชื่อสส.  แทนการให้สิทธิกรรมการสรรหาส.ว.จัดลำดับ เพราะยังไม่ทราบว่ากรรมการสรรหาจะทำงานอย่างไร ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ที่กรรมการสรรหาอาจกำหนดให้ 300 คนถือเป็นบัญชีตัวจริง และ 100 คนนี้ควรคัดให้อยู่ในบัญชีสำรองให้คสช.เลือก แต่ตอนนี้ตนไม่ทราบว่ากระบวนการทำงานจะทำอย่างไร หากเขาแยกเวลาคสช. ตั้งก็ตั้งได้ตามที่แยกบัญชีมา หากไม่ได้แยก คสช. ก็เลือกเอาคนที่อยู่ในลำดับต้นๆ ไปก่อน
           
เมื่อถามว่า ระยะเวลาที่ต้องสรรหาสว. หลังจากที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ นายมีชัย กล่าวว่า เราบอกว่าให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปดำเนินการเลือกในส่วนของสว.ที่มาจากกลุ่มเลือกกันเองตามวิชาชีพให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้งสส. ประมาณ 15 วัน เพื่อภายในช่วงเวลานั้นให้เกิดกระบวนกรสรรหาในกทม. ไปพร้อมๆ กัน แต่รายละเอียดที่จะกำหนดให้ว่าการได้มาซึ่งสว.ทั้ง 250 คนจะต้องแล้วเสร็จภายในกี่วันหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ยังไม่ได้พิจารณา แต่เบื้องต้นอาจให้เสร็จได้ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งสส. เพื่อให้งานในสภาฯ เดินหน้าได้
           
เมื่อถามอีกว่ากรณีที่ กรธ.บัญญัติ 6 ตำแหน่งจากฝ่ายมั่นคงในส่วนสว.สรรหา จะมีปัญหาช่วงทำประชามติหรือไม่เพราะคนไม่ยอมรับหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า  ตอนที่เราบอกว่าจะมีผู้ดำรงตำแหน่งโดยตำแหน่ง 6 คน หรือร้อยละ 2.5 ก็ดี และสื่อมวลชนก็นำไปลงหนังสือพิมพ์อยู่แล้วว่าเป็นใครบ้าง หากไม่นำไปลงก็ไม่ใส่เจาะจง แต่เมื่อลงข่าวเจาะจงก็เขียนให้หมดเรื่องหมดราวกันไป ซึ่งสิ่งที่เขียนก็เอามาจากหนังสือพิมพ์ เพราะหากให้นึกเอง คงนึกไม่ถึงปลัดกระทรวงกลาโหม
               
เมื่อถามถึงกรณีที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ได้โทรศัพท์พูดคุยตลอดช่วงเวลาที่ไปประเทศจีน ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กรธ.เปลี่ยนแปลงกระบวนการเลือก ส.ว.สรรหา 250คนใช่หรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า "เปล่า นี่เราเขียนมาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะคุยกับนายกฯ ซึ่งตอนที่คุยกับนายกฯ นั้น เราเล่าให้ฟังว่าเขียนว่าอย่างไร ซึ่งในขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ โอเคในสิ่งที่กรธ.เขียน"
               
ถามด้วยว่ากรธ.มีเหตุผลอะไรที่ออกแบบให้ คสช.เลือกส.ว.สรรหารอบสุดท้าย นายมีชัย กล่าวว่า คือเมื่อมีการกลั่นกรองแล้วอยากให้ไปสุดท้ายอยู่ที่ตรงนั้น คือ จะได้มีการตรวจสอบถ่วงดุลกัน เพื่อไม่ให้เลือกเอาเองตามใจชอบ หากให้คณะกรรมการสรรหาเป็นคนตัดสินสุดท้ายอำนาจทั้งหมดก็จะมาอยู่ที่กรรมการสรรหา  จะทำให้ขาดการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามในขั้นตอนที่คสช. จะเลือกบุคคลให้เข้ามาเป็นสว. นั้น ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ใดไว้ ขึ้นอยู่กับคสช. ที่จะพิจารณา
           
เมื่อถามว่า การให้อำนาจคสช.เลือกสว.หมายถึงการดำเนินการโดยคณะกรรมการคสช.หรือเฉพาะหัวหน้าคสช. นายมีชัย กล่าวว่า คำว่าคสช.ในที่นี้หมายถึงคณะบุคคล ซึ่งยอมรับว่าตนเองเป็นหนึ่งในคสช.ด้วย ดังนั้น เมื่อถึงเวลาต้องสรรหาสว.จะขอถอนตัว เพราะมองว่าเมื่อไปเลือกใคร เขาก็ไม่ได้รักเรา คนที่ไม่ได้เลือกก็เกลียดเรา อยู่เฉยๆ ดีกว่า
               
เมื่อถามว่า การยอมปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญ ตามคำของ คสช. ยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่ได้ขัดแย้งกับรัฐบาลหรือคสช.  นายมีชัย กล่าวว่า ไม่มีความขัดแย้ง เพราะว่าบอกแล้วว่าจดหมายที่มีมานั้นเขียนว่า เรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ซึ่งแปลได้ว่าไม่ใช่คำสั่ง แต่พวกสื่อมวลชนไปแปลว่าเป็นคำสั่ง
           
"คำสั่งเราได้รับมาเยอะจากคนทั่วไปให้แก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่เคยได้รับคำสั่งจากคสช." นายมีชัย กล่าว