posttoday

ศาลดักคอสนช.อย่าผ่านกม.มาตรการแทนการฟ้องดคีอาญา

22 มีนาคม 2559

ประธานศาลฎีกาส่งผู้พิพากษาเข้ายื่นหนังสือต่อ สนช. ชี้ ชี้ร่างพ.ร.บ.มาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา เอื้อประโยชน์ผู้ต้องหา

ประธานศาลฎีกาส่งผู้พิพากษาเข้ายื่นหนังสือต่อ สนช. ชี้ ชี้ร่างพ.ร.บ.มาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา เอื้อประโยชน์ผู้ต้องหา

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. นายชาญณรงค์ ปราณีจิตต์ ผู้พิพากษาหัวคณะในศาลอุทธรณ์ประจำสำนักงานประธานศาลฎีกา ตัวแทนของ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เข้ายื่นหนังสือต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อเสนอความคิดเห็นของเสนอแนะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอโดยมีข้อสังเกตให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาบางประการ และให้คณะกรรมการประสานงานพิจารณาก่อนเสนอให้ สนช.พิจารณา

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และอยู่ระหว่างการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนที่จะส่งให้สนช.พิจารณา โดยศาลยุติธรรมเห็นว่าร่างพ.ร.บ.นี้ขัดต่อหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญ และหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เพราะการสั่งคุมประพฤติ การกระทำกิจการบริหารสังคมหรือสาธารณประโยชน์ และสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีอาญาที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีได้ โดยที่ไม่ผ่านการพิจารณาของศาลเลย และปราศจากกระบวนการพิสูจน์ความผิดของบุคคล จะส่งผลกระทบต่อการอำนวยการยุติธรรมที่โปร่งใสและตรวจสอบได้

ทั้งนี้ หากพ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้จะเป็นการตัดสิทธิของผู้เสียหาย เนื่องจากมีบทบัญญัติที่ตัดสิทธิของผู้เสียหายที่ประสงค์จะใช้สิทธิทางศาล และมีบทบัญญัติห้ามไม่ให้ศาลดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป แม้กระทั่งในกรณีที่ผู้เสียหายประสงค์จะใช้สิทธิทางศาล และนำคดีมาฟ้องต่อศาลแล้วก็ตาม ขณะที่ในส่วนระยะเวลาและอายุความในการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีอาญาอาจขยายไปได้ จนแทบไม่มีข้อกัดหากมีคำสั่งให้ใช้มาตรการแทนการฟ้องอันจะทำให้พยานหลักฐานที่สำคัญสูญหายไปจนไม่สามารถพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาได้ และจะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมของไทยในระยะยาว

"ร่างกฎหมายฉบับนี้ ถูกเสนอมาตั้งแต่ปี 2532  แต่ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวก็ยังไม่ถูกนำเข้าการพิจารณาของสภาฯ และสำนักงานศาลยุติธรรมได้เคยทำหน้าที่แสดงข้อกังวลหลายครั้งแต่ก็ปรากฏว่า ยังไม่มีการแก้ไขข้อห่วงใยดังกล่าวเลย แต่หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นของสนช. ทางศาลก็มีความเป็นห่วงว่า จะส่งผลกระทบต่อสังคมและกระบวนการทางอาญา จึงขอให้สนช.ช่วยพิจารณาด้วย"นายชาญณรงค์กล่าว

ด้าน นายพรเพชร กล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กรขึ้น อยากให้ทุกฝ่ายรับฟังความเห็น ในเมื่อคนระดับประธานศาลฎีกาส่งสัญญาณมาก็ต้องรับฟัง ซึ่งทางตัวแทนของศาลฎีกาก็ได้ไปยื่นเรื่องนี้ให้รัฐบาลแล้ว เพราะ ร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของครม.อยู่ การที่มายื่นยังสนช.ก็เพื่อเป็นการดักคอไว้ก่อนที่จะถูกส่งมาให้ สนช.พิจารณา เพราะหากร่างนี้ผ่านเป็นกฎหมาย คดีรถเบนซ์ก็อาจจะไม่ต้องถึงศาลก็ได้