"บิ๊กต๊อก"เมินทนายวัดปากน้ำสั่งดีเอสไอเดินหน้าคดี

"รมว.ยุติธรรม” เมินทนายวัดปากน้ำต่อรอง ย้ำดีเอสไอให้เกียรติ“สมเด็จช่วง”ที่สุดแล้วถ้าไม่ใช้สิทธิให้ปากคำอย่ามาโวยไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือดึงคดีพัวพันตั้งสังฆราช

วันที่ 17 มี.ค. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวกรณีพนักงานสอบสวนดีเอสไอไปพบสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แต่ฝ่ายกฏหมายของวัดระบุยังไม่ให้การ แต่เป็นเพียงการกำหนดกรอบประเด็นที่จะสอบปากคำว่า ไม่ให้ก็ไม่ให้ ดีเอสไอทุกคนทำตามหน้าที่เขาก็มีสิทธิจะบอกว่าไม่ให้ เจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิ    การทำหน้าที่ของดีเอสไอครั้งนี้ ตนได้กำชับสั่งการให้นำดอกไม้ธูปเทียนแพไปกราบ เป็นการให้ความเคารพ ให้เกียรติ และให้สิทธิที่จะชี้แจงความบริสุทธิ์ ถ้าท่านไม่ใช้ก็จบ คดีก็เดินต่อไป

"หากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแค่ไหนก็ดำเนินการกล่าวหาไปตามนั้น  วินิจฉัยตามแนวทางที่มี เพราะพนักงานสอบสวนมีข้อสงสัยและต้องการสอบถามให้สมเด็จช่วงได้แจงข้อมูลแต่ถ้าไม่ให้การ หากสรุปสำนวนอย่างไรจะบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้ความเป็นธรรมไม่ได้ เพราะดีเอสไอได้ดำเนินการอย่างสมบูรณ์ให้เกียรติอย่างเต็มที่ในฐานะพระผู้ใหญ่"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าว

พล.อ. ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า หากเป็นบุคคลทั่วไป ดีเอสไอสามารถออกหมายเรียกก็จบ ให้มาให้การแต่ครั้งนี้เป็นพระผู้ใหญ่ตนได้ให้ ส่งหนังสือขอนัดหมายไปก่อนเพื่อให้เกียรติ  จึงอยากเตือนทนายวัดปากน้ำว่าทำอะไร ตนสั่งลูกน้องให้เกียรติแล้ว แต่ทนายกลับมาเรียกร้อง ปกติเขาไม่ทำหนังสือกัน การให้เกียรติของดีเอสไอ ทนายกลับนำเป็นข้อต่อรอง เราให้เกียรติทุกเรื่องอย่ามาเล่นแง่ อย่าไรก็ตามตนไม่เชื่อสมเด็จช่วงจะอยากทำเช่นนี้แต่คิดว่าเรื่องนี้คนที่เรื่องมากคือทีมทนาย และทีมทนายที่กำลังทำให้สมเด็จช่วงเสียหายหรือไม่ ดังนั้น หากสมเด็จช่วงจะทำหนังสือชี้แจงมาก็ให้ดำเนินการมา                   

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า เรื่องนี้หากสมเด็จช่วงตอบตามที่รู้เห็นมาก็จบแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ หากคดีช้าออกไป ก็อย่าบอกว่า ถูกดึงเรื่องคดีไม่เสร็จจนทำให้ไปผูกพันกับการแต่งตั้งสังฆราช ซึ่งกรณีนี้ให้เกียรติทุกเรื่อง ทำมากกว่าคดีอื่นทั้งหมดแต่กลับเป็นช่องที่มาพูดโน่นนี่ทนายวัดผิดพลาดไปหรือไม่