posttoday

"บิ๊กตู่"จ่อออกคำสั่งจี้ทุกกระทรวงเร่งทำผลงานข้อมูลข่าวสาร

17 มีนาคม 2559

“ประยุทธ์” ลั่น ปี 2560 จะต้องเป็นปีแห่งข้อมูลข่าวสารจ่อออก2คำสั่งพิเศษ ให้ทุกกระทรวงเร่งทำผลงานข้อมูลข่าวสาร ขู่หากทำไม่ได้จะเล่นงาน ย้ำยึดโรดแมปไม่เปลี่ยนแปลง ขอทุกฝ่ายทำใจให้มั่นคงอย่าถูกล้างสมองแบบเก่า

“ประยุทธ์” ลั่น ปี 2560 จะต้องเป็นปีแห่งข้อมูลข่าวสารจ่อออก2คำสั่งพิเศษ ให้ทุกกระทรวงเร่งทำผลงานข้อมูลข่าวสาร ขู่หากทำไม่ได้จะเล่นงาน ย้ำยึดโรดแมปไม่เปลี่ยนแปลง ขอทุกฝ่ายทำใจให้มั่นคงอย่าถูกล้างสมองแบบเก่า

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารกับการสร้างความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐ” และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการต้นแบบโดดเด่นให้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และจ.หนองคาย  โดยมี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และข้าราชการที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟัง

โดยระบุตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนตั้งคำถามว่า พ.ร.บ.นี้ใช้มาตั้งแต่ปี 2540 ผ่านมา 18 ปี มีแค่ 2 หน่วยงานที่ได้รับรางวัล จาก 8,000 กว่าหน่วยงานที่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูล หรือต้องรออีก 18 ปีข้างหน้าถึงจะมีอีก 2 หน่วยงานที่ได้รับรางวัล ตนขอให้ยกเลิก สโลแกน"เปิดเผยคือโปร่งใสปกปิดคือยกเว้น" โดยขอให้ตัดคำว่า "ปกปิดคือข้อยกเว้นออก" เพราะจะยิ่งดูน่าสงสัย และข้อมูลของข้าราชการเปิดเผยได้อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมามีกฎระเบียบแต่ปฏิบัติไม่ได้จึงสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ประชาชนไม่ได้  แม้ขณะนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ได้รับรางวัลยังมีการร้องเรียนกัน แสดงว่าประชาชนไม่เข้าใจและใช้ความรู้สึกมากกว่าจึงถือเป็นความท้าทายของข้าราชการที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจมากกว่าการรับรู้จากโซเชียลมีเดียหรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยเริ่มจากกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องหาทางแก้ไขให้ได้ภายใน ปีงบประมาณ 2560 และวันนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่านำร่องหรือต้นแบบ แต่ให้ทุกหน่วยงานทำไปพร้อมๆกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องร่วมมือกันไม่ใช่ให้ข้าราชการรับผิดชอบทั้งหมด ถ้าหากเราไม่เอาจริงทุกอย่างจะล้มเหลว จึงต้องเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยฝากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการร่างแผนฉบับที่ 12ว่าหน่วยงานจะต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มประสิทธิผลสามารถจับต้องได้โดยยึดหลักความโปร่งใส กระจายอำนาจในการตรวจสอบ ถือเป็นโจทย์ของรัฐบาลนี้ในการแก้ไขปัญหาทุจริตให้หมดไป โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลยังอยู่ต้องมีคุณธรรมจริยธรรมให้ได้เพื่อไม่ให้ประเทศชาติเสียหายไม่ใช่มุ่งเน้นแต่เรื่องสิทธิจนลืมคำว่าหน้าที่ ทำให้เกิดความขัดแย้ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประวันนี้ประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลกมีปัญหาทุกอย่าง คือ ดีหมดแต่ขาดการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม หลายประเทศชื่นชมรัฐบาลที่เข้ามาแก้ปัญหาในช่วงปฏิรูปและรอดูการปฏิบัติการประเมินผลซึ่งทุกอย่างจะวัดจากจีดีพีอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องวัดจากความพอใจและความสุขของประชาชน พร้อมขอให้สื่อทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ ตนก็พูดไปเยอะแต่ก็ยังเป็นแบบนี้ อย่าวิเคราะห์วิจารณ์ไปตามความรู้สึกให้เกิดความสับสนจนเกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก ขัดแย้งเกิดผลประโยชน์ทางการเมือง ตีกันจนเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งหากคิดว่าที่ตนพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็อยากให้ทำตาม แต่ถ้าคิดว่าไม่ถูกก็รอวันหน้า

ส่วนการเปิดเผยว่ามีการทุจริต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขออย่าพูดโดยไร้หลักฐานและขอให้ศาลเป็นผู้พิจารณา เพราะจะทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ สื่อ เอ็นจีโอไม่เข้าใจ เพราะต่างคนต่างทำ ทำแต่เรื่องของตัวเองไม่สนใจคนอื่น ตนก็จนใจ เพราะทุกสิ่งที่ทำต้องเริ่มจากหัวใจของทุกคนไม่ใช่ความรู้สึกอย่างเดียวต้องคำนึงถึงผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ทีเสียหายก็ต้อวมีการเยียวยาแต่ต้องทำครั้งเดียวให้เกิดประโยชน์ที่ยั่งยืน ไม่ใช่ทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น


"ที่ผ่านมา 2 ปีเจอปัญหามาร้อยๆเรื่อง แก้แรงไปไม่ได้แก้อ่อนไปก็ว่าเสียของ เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยลดแรงกดดันและขอให้เห็นใจผมด้วย เพราะผมเข้ามาตั้งใจจะแก้ปัญหา คนต้องการให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่บางทีข้าราชการล่างๆไม่สนใจ สนใจแต่งานตัวเอง ไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวโยงกับกระทรวงอื่น ทั้งที่เป็นปัญหาเดียวกัน เช่นเรื่องน้ำจะให้กระทรวงเกษตรฯเพียงกระทรวงเดียวรับไหวหรือไม่ ทุกกระทรวงต้องเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องทำงานให้ประชาชน ให้ประเทศ ทำให้เข้าใจและพอใจ หรือมีคะแนนเสียงของแต่ละกระทรวงไม่ได้ ต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุข ไม่ใช่บำบัดสุข บำรุงทุกข์"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาน้ำขาดเขื่อน ทำอะไรไม่ได้ทั้งที่เรื่องนี้มีมานานแล้ว ตอนนี้ควรบริหารจัดการเท่านั้น วันนี้ให้ดูการระบายน้ำส่งน้ำวุ่นวายไปหมด แต่ตอนนี้ก็ยังมีเวลาให้ช่วยกันจัดการก่อนที่จะแย่ไปกว่านี้ จนทำให้เกิดการทุจริต

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าตนไม่ต้องการคะแนนโรดแมปที่กำหนดไว้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงใครจะรักหรือเกลียดก็ช่างตนเอาประเทศเป็นที่ตั้งเพราะทุกคนคือคนไทย เชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจ แต่ต้องทำให้ใจมั่นคงด้วยอย่าไปเชื่อและถูกล้างสมองแบบเก่า หากเชื่อตนก็ต้องมาช่วยตนและช่วยรัฐมนตรีเพราะรัฐมนตรีไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และที่สำคัญที่สุดในวันนี้คือความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจของ รัฐบาลและคสช.ดีขึ้นแต่ไม่มากขึ้นเพราะยังมีคนบิดเบือนอยู่และยังทะเลาะกันเรื่องรัฐธรรมนูญ ภาษากฎหมายมันตีกันหมด ถ้าคนจะตีความซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากนี้หากทุกคนยอมรับในกระบวนการก็แก้ได้หมด ทำไมจะต้องเอาเป็นเอาตายจะกลับไปใช้มาตรา 37 หรืออย่างไร

วันนี้ทุกคนมุ่งหวังแต่ทำโครงการใหญ่ ตนไม่ให้ ต้องผ่านรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ หรือ อีเอชไอเอ ให้ได้ก่อนถ้าทำโครงการใหญ่ไม่ได้ก็ทำโครงการเล็กไปก่อน อะไรที่ทำได้ก็ทำอะไรที่ทำไม่ได้ตนยึดคืนหมด ส่วนในเรื่องของการประเมินข้าราชการไม่ได้คาดหวัง แค่อยากให้ตอบคำถามสังคมในสิ่งที่ ตัวเองทำได้ ไม่ใช่ข้าราชการที่ทำตามคำสั่ง รู้ว่าทุกคนอยากเติบโต ถ้าทำไม่ได้ก็จะแก้จาก คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ กพร. เป็น คณะกรรมการพัฒนาตู่ หรือ กพต. ทั้งนี้ตนไม่เคยดูถูกคนไทย คนไทยฉลาดโดยเฉพะแกนนำ ส่วนคนเล็กๆน้อยๆก็ถูกกดดัน ตนอยากให้คนฉลาดอยู่ภายใต้กฎหมาย ทุกคนจะได้อยู่อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แบ่งผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆตนไม่เอา

วันนี้ขออย่าปลุกระดมเหมือนสมัย 2514 ให้เกิดความขัดแย้ง ประชาธิปไตยก็ได้แล้วจะเอาอะไรอีกอย่าให้คนไม่ดีมาสร้างความขัดแย้งหรือเข้ามามีบทบาท มาบอกว่าหวังดีแต่แย้งทุกเรื่องค้านทุกเรื่อง ตนก็แปลกใจทำไมมาพูดทุกเรื่อง ที่ผ่านมาไม่พูดมากและเหนื่อยขนาดนี้ ไปต่างประเทศก็แค่ เยสๆ และก็จับมือ แต่ตนพูดจนปากเปียกปากแฉะ ตน ไม่เคยทำอะไรเสียหาย ถ้าทำอะไรขอให้บอก หรือเขียนจดหมายมา อย่าไปเขียนในโลกโซเชียล ตนจะรับทุกเรื่องมาแก้ปัญหา และหลังจากนี้ตนจะไม่พูดเรื่องการเมือง วันนี้ใครถามเรื่องการเมืองตนจะเล่นงาน พร้อมสั่งรัฐมนตรีทุกคนงดตอบเรื่องการเมือง เพราะน่ารำคาญ เสียบรรยากาศเปล่าๆ

นายกฯ กล่าวชี้แจงต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลวันนี้มีมาก ทั้งทำโครงการใหญ่ ๆ หลายโครงการ เราเปิดให้มีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ เช่น ทั้งหน่วยงานทั้งระดับโลก ระดับประเทศ เช่น โครงการครอส ของประเทศอังกฤษ เข้ามาดูแลในเรื่องของปัญหา ผลประโยชน์ ผลตอบแทน การทำสัญญาคุณธรรม ที่ทางการต้องร่วมมือทำร่วมกับเจ้าของโครงการ ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน และตนได้สั่งว่าทุกโครงการจะต้องมีสัญญา ไอทีที ที่จะต้องร่วมกันกับเจ้าของโครงการทำสัญญาว่าจะไม่โกง ไม่ทุจริต แต่หากวันข้างหน้าเกิดเหตุการณ์ตรวจพบการทุจริตก็ไปฟ้องร้องกัน นอกจากนี้เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาสังคมด้วย เช่น โครงการสังคมที่จะต้องใช้งบประมาณให้คน 4 แสนกว่าครอบครัว กว่าล้านคนเข้าไปอยู่ตึก มีที่อยู่อาศัย ที่จะต้องทำวันนี้ รัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีเอกชนเข้ามาช่วยด้วย แต่รัฐบาลไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แต่รัฐบาลต้องการมีคนมาร่วมลงทุน สุดท้ายก็จะเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ วันนี้โครงการใหญ่ ๆ 1,790,000 บาท ออกไม่ได้ แล้วก็บอกว่ารัฐบาลทำเศรษฐกิจไม่ได้ โครงการยังไม่ไปถึง EIA ด้วยซ้ำไป มาตีกันจนโครงการไม่เกิด นี่คือที่มาที่จะต้องออกคำสั่ง ไม่ได้ว่าจะไปยกเลิก ไม่ต่างอะไรกับฝ่ายความมั่นคงที่จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อะไรในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะต่าง ๆ ที่จะใช้ในอนาคต ทั้งที่วันนี้อุปกรณ์ต่างๆ ยานพาหนะต่าง ๆ ก็เก่า แล้วหวังว่าวันหน้าจะรวย มีเศรษฐกิจสูงสุด แต่ไม่มีศักยภาพความมั่นคงด้านนี้เลยไม่ได้ เพราะโลกยังมีความขัดแย้งอยู่ วันนี้มาเป็นภาคี เป็นสหประชาชาติ

“ผมขอให้ปี 2560 จะต้องเป็นปีแห่งข้อมูลข่าวสาร ถ้าทำไม่ได้จะมีเรื่อง อย่าก่อนไปผมจะทิ้งท้ายสักหน่อย ไม่อย่างนั้นงานก็จะไปไม่ได้ ผมขอร้อง อย่างน้อยต้องทำให้ได้ในระดับกระทรวง จะทำแต่นำร่องไม่ได้ ทุกกระทรวงต้องทำไปพร้อม ๆ กัน แล้วนำมาแข่งขันกัน เดี๋ยวผมจะหาคำสั่งในปีนี้ จะต้องทำตรงนี้ให้เป็นผลสัมฤทธิ์ โดยในระดับซี 10 ซี 11 จะต้องทำงานเหล่านี้ให้ได้ เข้ามาประกวดในระดับรัฐบาล จะต้องทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นในกี่วันก็ว่าไป ไม่เช่นนั้นจะโดนฟ้องก็ช่วยไม่ได้ อย่างน้อยจะต้องทำให้ประชาชนไว้ใจ นี่คือสั่งการ ส่วนเรื่องของการทุจริตผมก็จะออกคำสั่งอีกเหมือนกันเพราะพรบ.มันช้า วันนี้ทำอะไร ต้องทำให้เกิดเร็วที่สุด เพราะจะออกคำสั่งให้ทั้งผู้ให้และผู้รับ ให้ผิดทั้งคู่ในคำสั่งผมนี่แหล่ะ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาหมด เพราะให้เพราะผลประโยชน์ อยากได้งาน คนรับก็เอาสักหน่อย มีคนสั่งก็ขอบวกไปสักนิด จะเป็นแบบนี้ไม่ได้เพราะผมไม่มี คนอื่นก็มีไม่ได้ ผมมั่นใจว่าทุกกระทรวง รัฐมนตรีผมไม่มีไปเรียกแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้ามีเรียกให้บอกมา ไม่ว่าจะใครทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะมารับผิดชอบมากกว่าผมอีกแล้ว ผมเป็นคนตัดสินใจทุกเรื่อง วันนี้ทุกกระทรวงมีการร้องเรียน ผมก็รับมาหมด ก็เข้าสู่การตรวจสอบ ผมไม่ได้มุ่งหวังจะมารังแกใคร แต่หวังให้ประเทศชาติสงบสุข ประชาชนไว้ใจ ถ้าเราทำด้วยความปรารถนาดี บริสุทธิ์ ผมว่ามันไปได้ แต่ถ้าคิดแต่ระแวงกันมันก็เหนื่อย ขอถามว่าตั้งแต่ที่ผมเข้ามา กล้าพูดมาเลยว่าผมทำความเสียหายอะไรบ้าง มีอะไรให้เขียนบอกว่า อย่าไปพูดในสื่อหรือโซเชียลฯ ผมจะแก้ให้หมด ทั้งนี้โครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 5 ปี 10 ปี ข้างหน้า จะต้องร่างให้คนไทยได้เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วให้รัฐบาลไปทำ แต่ถ้าไม่ทำก็อย่าทำ ก็ไปหาวิธีทางรัฐสภาว่ากัน. ถ้าแค่นี้ยังทำกันไม่ได้ จะทำอย่างไร จะไปเปิดไฟเขียว เซ็นเช็คแบบไม่ลงจำนวนให้เขาไปทำหรืออย่างไร แค่การตรวจสอบใช้กลไกรัฐสภา ยังยอมไม่ได้ แล้วจะเป็นคนของประชาชนได้อย่างไร"นายกฯกล่าว

นายกฯ กล่าวถึงการนำเสนอสื่อโทรทัศน์ที่เป็นของรัฐว่า  สื่อที่มีประโยชน์ นำเสนอวิชาการ ปัญหาต่าง ๆไม่ค่อยดูกัน แต่กลับไปดูแต่เรื่องความขัดแย้ง ดูแต่ช่องTPBS ที่เอาแต่ปัญหาความเดือดร้อน มานำเสนอแต่ที่มันแล้ง แต่กลับไม่นำเสนอในสิ่งที่รัฐบาลทำอะไรอยู่

"ผมไม่ได้ว่า แต่ก็ต้องรู้ว่าช่องไทยพีบีเอส ใช้งบประมาณภาษีของรัฐ ต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจ อย่านำเสนอข้างเดียว ทำข้างเดียวก็ตายกันพอดี ถ่ายแต่ที่น้ำแล้ง แต่ที่ที่เขาทำนาดี ปลูกพืชดีกลับไม่ถ่าย ถ่ายแต่เหล่านี้มาให้คนด่ารัฐบาล แล้วแบบนี้สมควรจะใช้เงินของรัฐบาลหรือไม่ มันต้องใช้เงินของรัฐให้เกิดความคุ้มค่า ให้ประเทศชาติปลอดภัย ให้ทุกคนในประเทศมีความเข้าใจ สื่อจะต้องเป็นแบบนี้ ไปดูช่อง 11 วันนี้ผมให้เขาปรับผังหมดตามที่ผมต้องการ แต่ก็ยิ่งไม่มีคนดูใหญ่ เพราะมีแต่เรื่องวิชาการ ปลูกพืช น้ำแล้ง แต่กลับไม่ดูกัน คะแนนก็ตกใหญ่ ก็ได้สั่งให้ไปปรับทั้งหมดแล้ว เผลอ ๆ ช่อง 5 ก็คะแนนตกด้วย ทั้งนี้ช่อง11 ทำอะไรไม่ได้ในเชิงธุรกิจเพราะต้นทุนต่ำ จะทำละครเหมือนช่องพาณิชย์ก็ไม่ได้ หากทำตอนยาวไม่ได้ ก็ทำตอนสันไป ทำให้ดี ๆ มีสาระ ทำให้คนรักกัน”

"ใครดูทีวีช่อง 232 บ้าง ทุกพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เรื่อง Dascendents of the son ใครดูยกมือขึ้น ขอให้ไปดูซะ ผมไม่ได้ดูเนื้อหาเท่าไหร่ ไม่ได้ดูเพราะเชียร์เขา แต่เขาเอาพระเอกหล่อมา และนางเอกก็สวย เป็นเบอร์ 1 ของเกาหลี คนดูเยอะ เขาก็ประเมินมาแล้ว ว่าเป็นซีรีส์ที่คนดูมากที่สุด เพราะเขาเอาคนที่เป็นตัวดึงดูดมาเป็นพระเอก นางเอก พระเอกเป็นทหารยศร้อยเอก แต่ที่ผมชอบไม่ใช่เพราะเป็นทหาร หน้าหล่อ แต่อ่อน เด็กมากเกินไป แต่ถ้าเป็นร้อยเอก ทหารบก เรือ อากาศของไทย แก่หมดแล้ว เพราะแบกภาระเยอะ ชีวิตลูกน้องเป็นร้อยคน ตายไม่ได้ ส่วนนางเอกก็เป็นหมอ เจอในรพ.ก็รักกัน ซึ่งสิ่งที่เขาสอดแทรกในเนื้อหาคือมีความรักชาติ ความเสียสละ การให้ความสำคัญหน้าที่ต่อประชาชน การรักษาพยาบาล ถึงจะทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน แต่ก็รักกันได้ ท้ายที่สุดก็เข้าใจกัน ทำไมเขาถึงคิดและเขียนออกมาแบบนี้ได้ ทำละครแบบนี้ออกมา แต่ของเราทำแล้ว ดูแล้วได้อะไรออกมา ดูเสร็จน้ำตาเป็นเผาเต่า ใครตายสักคนก็เสียใจยิ่งกว่าแม่ตาย บ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ อิน นี่คือสิ่งที่คนไทยแตกต่างกับเขา” นายกฯ กล่าว
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า คนไทยมีความแตกต่างกันเรื่องของความรู้สึก ใครปลุกระดม 3 วัน 4 วันก็ไปกับเขาด้วย แล้วก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไร มาชุมนุม มาประท้วงต่าง ๆ ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาเรียกมา เขาให้เงินนิดหน่อย 100 200 บาท อย่างนี้มันไม่ใช่ เราต้องช่วยกันสร้างความรับรู้ใหม่ ประท้วงได้ตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ห้าม แต่วันนี้ห้าม ไม่เช่นนั้นก็บานปลายไปทุกเรื่อง ทำอะไรไม่ได้ ทุกเรื่องมุ่งมั่น ปลุกปั่นให้มาเหมือนเดิม ตนยอมไม่ได้ อยากให้คนสร้างละครที่ข้าราชการไม่ทุจริต ไม่โกง ให้คนรักกัน ใครจะสร้างละครแนวนี้มาบอก จะออกทุนให้ เพราะละครเดี๋ยวนี้มีแต่แต่งตัวโป๊ โดยเฉพาะผู้หญิง ตนไม่ได้ดูถูกนะ สำคัญ เรื่องการแต่งกาย อยากให้สร้างละครที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่าให้คนมาขัดแย้งกัน" นายกฯ กล่าว