posttoday

เพื่อไทยค้านอำนาจพิเศษขู่คว่ำร่างรธน.

19 กุมภาพันธ์ 2559

ภูมิธรรมค้านข้อเสนอครม.ให้ตั้งกลไกพิเศษในร่างรธน.ขู่อาจไม่ผ่านประชามติ ระบุกว่า2ปีรัฐประหารพอแล้วขอประชาธิปไตยภาวะปกติ

ภูมิธรรมค้านข้อเสนอครม.ให้ตั้งกลไกพิเศษในร่างรธน.ขู่อาจไม่ผ่านประชามติ ระบุกว่า2ปีรัฐประหารพอแล้วขอประชาธิปไตยภาวะปกติ
 
เมื่อวันที่ 19ก.พ.59 นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับของกรธ.โดยมีรายละเอียดดังนี้
   
ข้อคิดเห็นบางประการที่มีต่อข้อเสนอแนะของ ครม. เรื่อง ร่างรัฐธรรมนูญ
ผมมีข้อสังเกตบางประการ ดังนี้

1. อย่างน้อยที่สุด ถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจ ที่ผู้มีอำนาจแสดงการยอมรับและเข้าใจในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นว่า “รัฐธรรมนูญฉบับที่นายมีชัย ได้จัดทำขึ้น มีปัญหา และได้รับการปฏิเสธจากกลุ่มคนวิชาชีพต่างๆ อย่างกว้างขวาง เกือบทุกด้าน” และได้แสดงความห่วงใยชัดเจนว่า ร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ จะไม่ได้รับการยอมรับ และอาจจะไม่ผ่านประชามติ และไม่อาจสร้างความเข้าใจกับนานาชาติที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยได้

2. ข้อเสนอในรายละเอียดเกี่ยวกับ ม.139 วรรค 2 ที่ห้าม ส.ส. / ส.ว. และกรรมาธิการงบประมาณ นั้น รวมทั้งมาตราอื่นๆ อีกมาก ถือว่ายอมรับว่า ร่างรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆ ดังกล่าว มีเนื้อหาสาระที่ขาดความชัดเจนและส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาประเทศ ทำให้ไม่สามารถดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ...”รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะบริหารประเทศด้วยความยากลำบาก หรืออาจบริหารไม่ได้เลย”

3. การที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มอบอำนาจพิเศษให้แก่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีอำนาจมากเป็นที่สุด และส่งผลกระทบกับระบบการบริหารประเทศ และตัวแทนอำนาจอธิปไตยของประชาชนชาวไทย สะท้อนให้เห็นว่า ผู้มีอำนาจได้เห็นถึงปฏิกิริยาของการคัดค้านและมองเห็นถึงความผิดพลาดในอดีตที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้เคยกระทำเรื่องผิดพลาดมาแล้วในการใช้ดุลยพินิจตัดสินบางคดีคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงการคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุของตุลาการในศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต่ออายุให้ยืดยาวออกไป  ซึ่งหากไม่ทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดความเข้าใจว่า ต้องการที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป  ดังนั้นการที่ผู้มีอำนาจมีข้อเสนอให้ยึดถือโร้ดแม๊พให้เคร่งครัด จะเป็นผลดีต่ออนาคตของประเทศโดยรวม  มากกว่าการยืดโร้ดแม๊พออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด

4. สุดท้ายประเด็นสำคัญ ที่ผู้มีอำนาจเสนอต่อ กรธ.เรื่องประชาธิปไตยครึ่งใบนั้น  ผมเห็นว่าปัจจุบันคนส่วนใหญ่และฝ่ายที่ยึดมั่นในประชาธิปไตยทุกคน มีความไม่ไว้วางใจและไม่แน่ใจในระบบและตัวบุคคลที่จะเกิดขึ้นจากระบบและกลไกที่ กรธ.ได้ออกแบบไว้

ในความเป็นจริง ระบอบประชาธิปไตยไม่เคยพบทางตัน และไม่เคยวิกฤตจนไม่มีทางออก  ระบอบประชาธิปไตยมีกระบวนการคลี่คลายวิกฤตทางการเมืองด้วยตัวของมันเอง วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จนก่อให้เกิดการรัฐประหาร พ.ค.2557 เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นจากฝ่ายที่ไม่ยอมรับประชาธิปไตย และไม่เคยยอมรับในกติกาที่ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจในยามที่ประเทศมีวิกฤต  หลังการรัฐประหาร เรายังไม่เห็นความจริงจังในการป้องปรามกลุ่มต่างๆ ที่เป็นต้นตอแห่งวิกฤต  จะเห็นได้ว่าบุคคลหรือคณะบุคคลที่เป็นต้นตอแห่งวิกฤตการณ์ทั้งหลาย ยังแสดงบทบาทที่ขัดขวางและส่งผลกระทบต่อผู้ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย 

ช่วงเวลากว่า 2 ปีที่การรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เกิดขึ้นไปจนถึงต้นปี 2560 เป็นระยะเวลาที่นานเพียงพอต่อการกลับคืนสู่ภาวะประชาธิปไตยปกติ...และนี่เป็นเพียงหนทางเดียวที่ดีที่สุดที่จะทำให้ประเทศพ้นวิกฤต และชีวิตของประชาชนกลับคืนสู่ความสงบสุข

การปล่อยให้กระบวนการต่างๆ ยืดเยื้อยาวนานต่อไป หรือการไม่ทำให้กลไกของระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่ภาวะปกติที่นานาอารยะประเทศยอมรับ มีแต่จะสร้างความเสียหาย และตีบตับให้แก่ประเทศ และที่สำคัญคณะผู้มีอำนาจที่เข้ามาบริหารประเทศหลังการรัฐประหาร อาจถูกมองว่าปรารถนาที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป ซึ่งจะไม่เป็นผลดีใดๆ เลย