posttoday

พนิช ไม่สงสารก่อแก้ว ระบุปชช.รู้จะเลื่อกใคร

23 กรกฎาคม 2553

"พนิช" ขึ้นปราศรัยใหญ่ ระบุปชช.คงรู้จะเลือกใคร ระหว่างคนที่ลงพื้นที่กับคนที่อยู่ในคุก ชี้พท.เปิดเทปเสียงก่อแก้วเป็นกลยุทธ์ ให้คนสงสาร

"พนิช" ขึ้นปราศรัยใหญ่ ระบุปชช.คงรู้จะเลือกใคร ระหว่างคนที่ลงพื้นที่กับคนที่อยู่ในคุก ชี้พท.เปิดเทปเสียงก่อแก้วเป็นกลยุทธ์ ให้คนสงสาร

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่เวทีปราศรัยใหญ่ที่มัสยิดกมาลุล เขตคลองสามวา ตามกำหนดการเวทีจะเริ่มเปิดการปราศรัย แต่เมื่อถึงเวลากลับปรากฏว่าเวทีปราศรัยยังตั้งไม่เสร็จ ซึ่งมาตั้งเวทีเสร็จในเวลา 18.00 น. โดยมีนายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วน เดินทางมาถึงเวทีปราศรัยเป็นคนแรก จากนั้นได้มี ส.ส.ทยอยขึ้นเวที  อาทิ นางนาถยา เบญจศิริวรรณ  ส.ส.กทม.ขึ้นปราศรัยเป็นสองภาษาทั้งภาษาไทยและภาษาอาหรับ จากนั้น เวลา 19.30 น. นายพนิช เดินทางมาถึงเวที โดยขึ้นกล่าวบนเวทีและเรียกตัวเองว่าเป็น "หล่อกลาง" ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นหล่อใหญ่ และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีหลายหล่อ ตนเป็นหล่อกลางแล้วพี่น้องจะเลือกหล่อกลางหรือไม่ พร้อมปราศรัยว่าถ้าได้รับเลือกจะเข้าไปเป็นตัวแทนประชาชนในการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาอย่างไรบ้าง ทั้งนี้  มีประชาชนที่ให้ความสนใจในการเข้ารับฟังการปราศรัยจำนวน 500 คน
         
จากนั้น นายพนิช ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าหากเทียบเคียงกับนายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ของพรรคเพื่อไทยแล้วตนได้ลงพื้นที่มากว่า 29 วัน แต่กับคนที่ไม่ได้ลงพื้นที่เลย ประชาชนคงจะรู้ว่าจะเลือกใคร และการที่พรรคเพื่อไทยอัดเสียงนายก่อแก้วมาเปิดบนเวทีเพื่อเรียกคะแนนสงสารจากประชาชนนั้น ตนไม่ได้สงสารเพราะถือเป็นกลยุทธของพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวก็ไม่รู้สึกสงสารนายก่อแก้ว ส่วนการตั้งเวทีทั้ง 4 จุดนั้นต้องการให้ประชาชนที่มาฟังปราศรัยมาจากเขตพื้นที่จริงๆ โดยไม่ได้มีการขนคนจากพื้นที่อื่นมา

" ผมมีความบริสุทธิ์ใจที่จะมาพบกับชาวบ้านที่แม้จะต้องวิ่งรอกทั้ง 4 จุดปราศรัยอาจจะเหนื่อยบ้างก็ตาม  ส่วนผลโพลออกมามีคะแนนที่สูสีแต่ตนก็ยังมีความกังวลอยู่ ซึ่งตนได้เดินทางมาหาเสียงที่เขตคลองสามวามา 37 ครั้งและหาเสียงก็ทำได้ยากมาก เนื่องจาก แต่ละเขตพื้นที่มีพื้นที่กว้างมากแต่หากครั้งนี้ตนไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. ครั้งหน้าตนก็จะมาสมัครรับเลือกตั้งในเขตนี้อีก และ วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ผมและแกนนำ ส.ส.ของพรรคขึ้นรถแห่ไปทั่วทั้ง 4 เขต "  นายพนิช กล่าว