มาร์คจี้ปลดล็อคเปิดประชุมพรรคถอดสุขุมพันธ์
"อภิสิทธิ์"ยื่นหนังสือถึงคสช.เปิดให้พรรคการเมืองประชุมได้เพื่อใช้เป็นเวทีถอดถอน“สุขุมพันธุ์”แฉระยะหลังไม่ค่อยรับโทรศัพท์
"อภิสิทธิ์"ยื่นหนังสือถึงคสช.เปิดให้พรรคการเมืองประชุมได้เพื่อใช้เป็นเวทีถอดถอน“สุขุมพันธุ์”แฉระยะหลังไม่ค่อยรับโทรศัพท์
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ กทม. แถลงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ทบทวนประกาศที่ 57/2557 กรณีขอให้ยกเลิกการห้ามพรรคการเมืองจัดกิจกรรมทางการเมือง เนื่องจากก่อให้เกิดผลกระทบสี่ด้านคือ
1.การระงับการจ่ายเงินกองทุนฯ และห้ามพรรครับเงินบริจาคจะกระทบกับงานธุรการของสำนักงานและ กระทบสถานะการเงินของพรรค โดยเงินที่เหลืออยู่ก็จะบริหารได้อีกระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะเดิมเคยหักจากเงินบริจาคจากเงินเดือนสส.แต่ขณะนี้ไม่มีสส.
2.พรรคไม่สามารรับสมัครสมาชิกพรรคได้ ซึ่งทำให้กระทบไปถึงอดีตสส.พรรคที่ไปบวชและต้องพ้นสถานะสมาชิกพรรคดั้งนั้นหากจะสมัครเป็นกรรมการบริหารพรรคก็ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นสมาชิกไม่ครบหนึ่งปี
3.เมื่อไม่สามารถประชุมพรรคได้จึงไม่สามารถระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องกาปฏิรูปหรือร่างรัฐธรรมนูญ ความเห็นที่ออกมาเป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น
และ4.พรรคมีสมาชิกในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน ซึ่งพรรคต้องรับผิดชอบทั้งการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ต้องมีการประชุมเพื่อตั้งกรรมการตรวจสอบทางวินัยกรณีที่มีปัญหาเรื่องจรรยาบรรณ หรือลงโทษสมาชิกตามความจำเป็น
ดังนั้น จึงขอให้คสช.ทบทวนประกาศ และยืนยันว่าจะไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือกระทบความมั่นคง
นายองอาจ กล่าวว่า ในส่วนของเหตุผลข้อ 4 ไม่ได้เจาะจงกรณีใดกรณีหนึ่งแต่กรณีที่เกี่ยวกับคนของพรรคที่ทำงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึง กทม.ด้วย ซึ่งขณะนี้มีการกล่าวหาเกี่ยวกับการบริหารงาน พรรคประชาธิปัตย์มีความรับผิดชอบในฐานะต้นสังกัดต้องรับผิดชอบต่อประชาชนกรุงเทพที่เลือกคนของพรรคด้วย โดยเฉพาะการกล่าวหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ พรรคต้องตรวจสอบให้ประชาชนเห็นว่าการดำเนินการเรื่องเหล่านี้มีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร
อย่างไรก็ตาม หาก คสช. ไม่ยกเลิกประกาศดังกล่าว ทางพรรคก็จะต้องมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อไม่ให้ประชาชนผิดหวัง โดยหัวหน้าพรรคอาจปรึกษากับคนที่เกี่ยวข้องและผู้ใหญ่ภายในพรรคว่าควรจะดำเนินการ หากคสช. ทบทวนประกาศทำให้เปิดประชุมได้ ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคและสมาชิกจะหยิบยกเรื่องใดขึ้นมาพิจารณา ซึ่งเรื่องกทม.อยู่ในความสนใจของประชาชนและมีการกล่าวหาเรื่องความไม่โปร่งใส พรรคต้องรับผิดชอบทำให้เกิดความโปร่งใสขึ้นร่วมกับผู้บริหารกทม. ส่วนจะดำเนินการถึงขั้นปลดจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคจะมีมติอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคมีมติให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร พ้นจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ก็ไม่กระทบกับตำแหน่่งผู้ว่ากทม. นายองอาจ กล่าวว่า ความน่าเชื่อถือทางการเมืองอยู่เหนือตำแหน่งทางการเมือง แม้ว่าผู้ว่กทม.จะไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค แต่พรรคก็ต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าพรรครับผิดชอบด้วยการพยายามทุกวิถีทางทำความจริงให้ปรากฎ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีมติขับไล่ สก.ของพรรคที่ทำตัวไม่เหมาะสมมาแล้ว ดังนั้นหากทำงานด้วยความโปร่งใสก็ต้องให้ตรวจสอบได้ ส่วนปัญหาของผู้ว่ากทม.จะไปถึงขั้นต้องขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น ต้องดูข้อมูลทั้งหมดหากประชุม
นายองอาจ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพยายามประสานงานกับผู้ว่ากทม.แต่ระยะหลังเกิดความติดขัดในการติดต่อประสานงานเรื่องการบริหาร กทม. แม้แต่หัวหน้าพรรคติดต่อไปก็ไม่รับโทรศัพท์ แม้ว่าหลายเรื่องผู้ว่ากทม.จะทำงานตอบสนองนโยบายพรรคได้แต่หลายเรื่องต้องปรับปรุงและเมื่อมีการกล่าวหาว่าทุจริตก็ต้องดำเนินการให้โปร่งใสเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าการบริหารงานของกทม. ซึ่งส่วนตัวคิดว่าถ้ามีโอกาสคุยกันทุกอย่างจะดีกว่านี้ และอยากให้ปัญหาจบลงโดยประโยชน์อยู่ที่พี่น้องประชาชนมากที่สุด