posttoday

สมคิดซัดสื่อนอกวิจารณ์ไทยลั่น "ไม่รู้จักอย่าเสนอหน้ามาสอน"

20 กันยายน 2558

สมคิด แนะดึงจุดอ่อนประเทศ เสริมแกร่งภาครัฐ ธุรกิจ ประชาชน เพื่อรากฐานประเทศยั่งยืน ตอกสื่อนอกอย่าเสนอหน้ามาสอน

สมคิด แนะดึงจุดอ่อนประเทศ เสริมแกร่งภาครัฐ ธุรกิจ ประชาชน เพื่อรากฐานประเทศยั่งยืน ตอกสื่อนอกอย่าเสนอหน้ามาสอน

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวตอนหนึ่งภายในงานจุดประกาย "สานพลังประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก" ว่า หากประชาชนสังเกตให้ดีจะเห็นใบหน้าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีรอยยิ้มอารมณ์ผ่อนคลาย เพราะว่าวันนี้นายกฯได้เห็นการแสดงบนเวทีที่พูดถึงความพร้อมและความต้องการของประชาชนที่จะร่วมมือกับภาคเอกชน ร่วมมือกับภาคประชาสังคม ตนคิดว่าท่านสบายใจ เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ท่านนายกมีอยู่ในใจและต้องการให้มันเกิดขึ้นในประเทศ

"ถ้าท่านสงสัยว่าทำไมบางเวลานายกฯ มีอารมณ์ไม่ผ่องใส บางครั้งหงุดหงิกผู้สื่อข่าว ถ้าคิดให้ดีๆเราจะเข้าใจ นายกฯ มีความต้องการมีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ นายกฯต้องการให้คนเข้าใจว่าทำไมจึงเข้ามาทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะมา ทุกคนรู้อยู่เต็มอกว่าวันนั้นถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงคิดว่าบ้านเมืองคงไม่สงบแบบนี้ คงไม่ได้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการแต่ว่าอย่างน้อยที่สุดให้บ้านเมืองสงบสุขสักช่วงเวลา ให้คนไทยเราได้มีโอกาส มีเวลาที่จะคิดและตั้งสติกันใหม่ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ประเทศที่คนเคยยิ้มแย้มแจ่มใสมาวันนี้มีแต่อารมณ์ขุ่นมัว ไม่ไว้ใจกัน นั่นไม่ใช่ประเทศไทยที่ผมเติบโตขึ้นมา"นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า การพยายามทำให้รู้ว่ามีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้ว่าบางครั้งอาจจะช้าเกินแต่นายกฯก็พยายามเต็มที่แล้ว นายกฯต้องการบอกสังคมโลกว่าประเทศไทยนั้นเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่เอาแต่ท่องจำและบอกว่านี่คือประชาธิปไตย ใครๆก็ต้องการให้มีการเลือกตั้งทั้งสิ้น แต่ว่านายกฯไม่อยากให้กลับไปสู่วงจรเดิมๆ นายกฯเป็นห่วงที่จะไปประชุมที่ยูเอ็นกลัวคนไทยจะทะเลาะกันให้ขายหน้าชาวโลก

"ผมว่าพวกเราต้องช่วยกันเพราะผู้นำประเทศมีรอยยิ้มประชาชนก็จะมีความหวัง สบายใจ แต่จะให้นายกฯยิ้มไม่ใช่ว่าแบกภาระอยู่คนเดียวประชาชนต้องช่วยกันแบก นายกฯเข้ามาเพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าไปต่อได้ ดังนั้นวันนี้ถือเป็นโอกาสดีมาก ถ้าประเทศไทยเหมือนการแสดงบนเวทีเชื่อว่าประเทศไทยจะมีแต่ความสุข"นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ใช่เพียงรัฐบาลต้องการสร้างรากฐานให้กับประเทศ แต่ในอีกด้านคือการสร้างความเข้มแข็งให้กับฐานรากของประเทศให้สังคมให้ประเทศสามารถยืนอยู่บนขาสองขาที่แข็งแกร่ง ขาหนึ่งคือประชาชน 70 ล้านคน และอีกขาคือความสามารถของประเทศในการแข่งขันกับชาวโลก ตนอยู่ในภาครัฐบาลสามารถออกนโยบาย ออกงบประมาณได้ แต่ก็รู้ว่ามันมีข้อจำกัดอยู่ คือถ้าภาครัฐไม่เข้าใจภาคประชาชน ถ้ารัฐไปคิดแทนและครอบงำจากบนลงล่างมันไม่มีเจริญ แม้ภาครัฐ ภาคเอกชน จะมีความแข็งแกร่งแต่ก็มีข้อจำกัดในตัวเอง และจะทำอย่างไรให้นำข้อจำกัดเหล่านี้มาเชื่อมโยงไปสู่ความแข็งแกร่ง

"เมื่อวันที่ประกาศนโยบายลงไปที่ฐานราก มีนักวิเคราะห์เขียนออกมาว่าการใช้นโยบายลงไปที่ฐานรากสู่ชุมชนท้องถิ่นมันไม่ใช่ช่วยเพิ่มจีดีพีมันต้องไปลงทุนโครงสร้างพื้นที่จีดีพีจึงจะก้าวกระโดด  ฝากสื่อมวลชนบอกฝรั่งคนนั้นว่า กลับไปเรียนหนังสือใหม่ ถ้าความรู้ไม่พอ ไม่รู้จักเมืองไทยอย่าริอาจเสนอหน้ามาสอนประเทศไทย"นายสมคิดกล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า วันนี้จะเอาความจำกัดและความแข็งแกร่งทั้ง 3 ภาค ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน มาประสานซึ่งกันและกัน โดยมีนายกฯเป็นสักขีพยาน ดังนั้นเพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้ควรมีคณะกรรมการ กลไกการทำงานร่วมมือกันระหว่าง 3 ภาคส่วน เพื่อให้เขยื้อนประเทศไทย

"นายกฯและผมมีเวลาไม่มาก นายกฯไม่จำเป็นต้องเอาใจพวกท่านเพราะนายกฯไม่คิดเล่นการเมือง ส่วนผมนั้นท่านไม่ต้องเชื่อผมหรอก แต่ขอให้ไว้ใจว่าถ้าผมยังมีแรงอยู่ผมจะทำให้ท่าน ผมไม่มีอนาคตการเมืองผมไม่คิดเล่นการเมือง อนาคตของผมที่เห็นกันคือผมนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกเล่นกับหลาน ถ้าลูกชายและสะใภ้ผมยอมมีหลานให้เยอะๆ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ  แต่กว่าจะถึงวันนั้น ผมอยากให้พวกท่านสามัคคี และให้นายกฯมีรอยยิ้มทุกวัน"รองนายกรัฐมนตรี กล่าว