posttoday

"ชูชาติ"เย้ย"ปู"อ้างกม.บางส่วนยันอัยการเพิ่มพยานคดีข้าวได้

28 สิงหาคม 2558

อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ระบุ อัยการยื่นพยานคดีจำนำข้าวเพิ่มเติมได้ ชี้ "ยิ่งลักษณ์" อ้างกม.แค่บางส่วน เชื่อมีเจตนาให้บริวารเข้าใจผิด ออกมาโวยวาย ว่าศาลสองมาตรฐาน

อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา  ระบุ อัยการยื่นพยานคดีจำนำข้าวเพิ่มเติมได้  ชี้  "ยิ่งลักษณ์" อ้างกม.แค่บางส่วน เชื่อมีเจตนาให้บริวารเข้าใจผิด ออกมาโวยวาย ว่าศาลสองมาตรฐาน

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ว่า วันที่ 27 ส.ค. 2558 มีข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มอบให้ทนายความไปยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการยื่นบัญชีระบุพยานของฝ่ายอัยการโจทก์ในคดีรับจำนำข้าว เพื่อคัดค้านพยานบุคคลและพยานเอกสารของอัยการสูงสุดที่มีการเพิ่มเติมมากกว่า 60,000 หน้า ซึ่งอยู่นอกสำนวนและไม่ได้ไต่สวนมาก่อนในคดีนี้ และจำเลยไม่มีโอกาสตรวจสอบและคัดค้านมาก่อน

ทั้งนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 5 ระบุว่า ในการพิจารณาคดีให้ศาลยึดรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา

ดังนั้นตามกฎหมายและหลักของความเป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิเพิ่มพยานเอกสารและพยานบุคคลนอกเหนือจากสำนวนของคณะกรรมการป.ป.ช.ในชั้นนี้ได้ถือเป็นการเอาเปรียบทางคดีอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อตนเป็นอย่างยิ่ง

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพ.ศ. 2542 บัญญัติไว้ดังนี้

มาตรา 5 ในการพิจารณาคดี ให้ศาลยึดรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณาและอาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร

ในการปฏิบัติหน้าที่ศาลมีอํานาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคํา ตลอดจนขอให้ศาลอื่น พนักงานสอบสวน หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ดําเนินการใด เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาได้

มาตรา 29 ในวันตรวจพยานหลักฐานให้โจทก์จําเลยส่งพยานเอกสารและพยานวัตถุต่อศาล เพื่อให้อีกฝ่ายตรวจสอบ เว้นแต่องค์คณะผู้พิพากษาจะมีคําส่ังเป็นอย่างอื่น เนื่องจากสภาพและความจําเป็นแห่งพยานหลักฐานนั้น หลังจากนั้นให้โจทก์จําเลยแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานต่อองค์คณะผู้พิพากษา

ในกรณีที่มิได้มีการโต้แย้งพยานหลักฐานใด องค์คณะผู้พิพากษาจะมีคําสั่งให้รับฟังพยานหลักฐานนั้นโดยไม่ต้องไต่สวนก็ได้ แต่หากมีการโต้แย้งพยานหลักฐานใดหรือเมื่อศาลเห็นเองให้องค์คณะผู้พิพากษาดําเนินการไต่สวนพยานหลักฐานนั้นต่อไป

ถ้าอ่านกฎหมายซึ่งเป็นภาษาไทยเข้าใจ ก็เห็นได้ว่าบทบัญของมาตรา 5 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ยึดสำนวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณา แต่ศาลก็มีอำนาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ไม่ได้กำหนดให้พิจารณาเฉพาะสำนวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อย่างที่น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้าง อันเป็นการอ้างกฎหมายเพียงบางส่วนไม่ครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้

ดังนั้นอัยการสูงสุดย่อมมีสิทธิยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ เพราะแม้อัยการสูงสุดไม่ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม ศาลก็มีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใดหรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำได้ตามมาตรา 5 วรรคสอง อยู่แล้ว

ข้อที่น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่า จำเลยไม่มีโอกาสตรวจสอบและคัดค้าน ถือเป็นการเอาเปรียบทางคดีอย่างไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อตนนั้น ตามมาตรา 29 วรรคแรก ระบุไว้ชัดเจนว่าให้สิทธิจำเลยตรวจสอบพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งพยานเอกสารและพยานวัตถุอยู่แล้ว จึงเป็นการอ้างโดยบิดเบือนบทบัญญัติของกฎหมาย

ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่า อัยการสูงสุดเพิ่มเติมพยานเอกสารมากกว่า 60,000 หน้านั้น ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่อัยการสูงสุดจะมีพยานเอกสารเพิ่มจากสำนวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถึงกว่า 60,000 หน้า แต่สิ่งที่น่าจะเป็นก็คือในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้ไปตรวจพยานหลักฐานด้วยตนเอง จึงไม่ทราบว่าในสำนวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีเอกสารอะไรบ้าง คงเชื่อตามที่ทนายความบอกว่า เอกสารที่อัยการสูงสุดอ้างไม่มีในสำนวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มากกว่า

การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมากล่าวในวันนี้น่าเชื่อว่า มีเจตนาเพื่อให้ผู้สนับสนุนเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ตนอ้าง หากศาลยกคำร้องที่คัดค้านการอ้างพยานของอัยการสูงสุดหรือถูกศาลพิพากษาลงโทษ บริวารทั้งหลายก็จะได้ออกมาโวยวายว่า ศาลสองมาตรฐานและไม่ยุติธรรมดังที่เคยกระทำกันตลอดมา ครับ

"ชูชาติ"เย้ย"ปู"อ้างกม.บางส่วนยันอัยการเพิ่มพยานคดีข้าวได้