posttoday

"วัฒนา" ปัดไม่ใช่คนกลางวงม็อบราชประสงค์

12 สิงหาคม 2558

"วัฒนา" โต้ไม่ใช่คนกลางอยู่ราชประสงค์ยันไม่เกี่ยวข้องการชุมนุม แจงเป็นคนเจรจาต่อรองเพื่อลดความสูญเสีย

"วัฒนา" โต้ไม่ใช่คนกลางอยู่ราชประสงค์ยันไม่เกี่ยวข้องการชุมนุม  แจงเป็นคนเจรจาต่อรองเพื่อลดความสูญเสีย

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทน กล่าวว่า ได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของท่านนายกจากหนังสือพิมพ์ โดย พาดพิงที่ตนอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกรณีห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่ว ท่านบอกให้ดูพฤติกรรมตนในการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ตนคือคนที่อยู่กลางราชประสงค์เป็นคนมาต่อรอง ศอฉ. ซึ่งท่านก็ดูแลให้แต่การชุมนุมไม่เลิกจนท้ายสุดเกิดความรุนแรงนั้น ความจริงเรื่องนี้ตนไม่เคยนำมาเปิดเผยเก็บเป็นความลับมาตลอด แต่เมื่อท่านเปิดมาเองตนก็จะชี้แจงเพียงเท่าที่จำเป็น

"ผมไม่ใช่คนที่อยู่กลางราชประสงค์และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการชุมนุมแต่เป็นคนที่ช่วยในการเจรจาทำให้ลดการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย ทั้งเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน ที่ผมเป็นคนประสานให้มีการหยุดยิงและแยกสองฝ่ายออกจากกัน ส่วนในวันที่ 19 พฤษภาคม ผมเป็นคนเดินฝ่่ากระสุนปืนเข้าไปเจรจากับแกนนำเพื่อยุติการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์จนสำเร็จ ส่วนที่ว่าการชุมนุมไม่หยุดนั้นยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากแต่ผมไม่ขอพาดพิงเพราะยังมีคนที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน ผมเป็นเพียงคนกลางครับไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายใด บางครั้งฝ่ายรัฐบาลรับปากแล้วไม่ปฏิบัติตามคนเสื้อแดงก็ว่าผมไม่ได้และผมก็ไม่เคยเอามาเปิดเผย" นายวัฒนา กล่าว

นายวัฒนา กล่าวอีกว่า ส่วนที่ว่าตนชอบโจมตีท่านนั้น ขอเรียนว่าทุกเรื่องที่พูดคือเรื่องของประเทศ เริ่มต้นเมื่อท่านกับพวกใช้กำลังอาวุธเข้ายึดอำนาจตนดูแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ถึงเจตนารมณ์และความจำเป็นก็ถอยและหยุดดูท่านกับพวกทำงานมา 1 ปีเต็มจนเห็นว่าเริ่มไม่เข้าท่าจึงออกมา สิ่งที่รับไม่ได้คือพฤติกรรมที่จะสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญที่กำลังยกร่าง การแสดงท่าทีที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศ การลุแก่อำนาจของท่านและบริวารไม่รวมถึงการบริหารที่ล้มเหลวทุกด้าน แล้วท่านจะให้เฉยปล่อยให้ท่านทำบ้านเมืองเสียหายต่อไปหรือ

"อย่าอ้างว่าการร่างรัฐธรรมนูญท่านไม่เกี่ยวข้อง ลองส่งเสียงดังๆ ว่าจะรีบคืนอำนาจให้ประชาชนเค้าไปกำหนดวิถีทางทางการเมืองกันเอง หนุมานตัวไหนจะกล้าเหาะเกินกรุงลงกานอกจากปากว่าตาขยิบเท่านั้น มีใครเค้าอยากทะเลาะกับหัวหน้าเผด็จการที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จบ้างล่ะ" แกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าว

นายวัฒนา กล่าวอีกว่า ที่ตนฟ้องท่านขอให้ศาลเพิกถอนประกาศฉบับที่ 21/2557 ที่ห้ามคนจำนวน 155 คน เดินทางออกนอกประเทศนั้นก็เป็นการใช้สิทธิทางศาลแบบอารยะ เพราะเห็นว่าคำสั่งห้ามคนเดินทางนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ท่านลงนามรับสนองพระบรมราชโองการเอง ในมาตรา 4 เขียนซะหรูว่าจะคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคที่ชนชาวไทยเคยได้รับคุ้มครองและตามพันธกรณีระหว่างประเทศแต่การกระทำเป็นอีกอย่าง การห้ามคนเดินทางคือการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลอันถือเป็นสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายระหว่างประเทศ ที่สำคัญคือลูกน้องท่านทำเรื่องนี้โดยลุแก่อำนาจ เอามาต่อรองไม่ให้พวกผมวิจารณ์ท่านและรัฐบาล การอนุญาตหรือไม่ไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ บ่อยครั้งขอเดินทางไปยุโรปเครื่องบินออกตอนเที่ยงคืน ลูกน้องท่านแจ้งคำสั่งอนุญาตมาตอน 16.00 น. ทั้งที่ยื่นเรื่องขออนุญาตไปก่อนนับสิบวัน

"อยากบอกท่านจริงๆ ว่าคำสั่งห้ามคนเดินทางไม่ก่อประโยชน์อะไรเลย ท่านกลัวเค้าไปสุมหัวกันแบบที่ ผบ.ทบ. เคยให้สัมภาษณ์ผมก็จะบอกว่าถ้าเค้าจะไปสุมหัวกันเค้าคงไม่ไปขออนุญาตท่านให้เป็นหลักฐานหรอกครับ การสื่อสารทุกวันนี้ทันสมัยที่เค้าจะสุมหัวกันคุยผ่านเครื่องมือสื่อสารได้โดยไม่ต้องเดินทาง คำสั่งห้ามเดินทางไม่ได้ทำให้เกิดความมั่นคงแต่กลับจะทำให้ท่านเสียหาย เพราะนอกจากจะเป็นการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลแล้วลูกน้องท่านยังเอาอำนาจนี้ไปใช้ตามอำเภอใจอีก อะไรที่ไม่จำเป็นหรือก่อประโยชน์ก็เลิกๆ ไปบ้างเถิดครับไม่ใช่เรื่องที่มาเอาแพ้เอาชนะกัน รัฐบาลท่านจะได้ดูดีขึ้นทันทีว่าไม่ได้จำกัดสิทธิและเสรีภาพไปซะทุกเรื่อง เอาเวลาไปคิดแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองดีกว่าครับ"นายวัฒนา กล่าว