นายกฯรับสายด่วนวันสุดท้าย

นายกฯชี้มาร์ควี11โครงการเอเอฟโพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์การเมืองหากใช้ถ้อยคำรุนแรงถือว่าไม่เหมาะสม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงมาร่วมรับโทรศัพท์ ตามโครงการ 63ล้านความคิดในวันสุดท้าย ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายกฯรับโทรศัพท์ด้วยตนเอง จำนวน15สาย และมีกลุ่มศิลปินจากอะคาเดมีแฟนเทเชีย  มาร่วมรับโทรศัพท์ด้วย

นอกจากนี้ นายกฯยังได้เดินให้อาสาสมัครที่มารับโทรศัพท์ถ่ายรูปอย่างเป็นกันเองด้วย

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ นายวิทวัส ท้าวคำลือ หรือ "มาร์ค" อายุ 17 ปี ผู้เข้าแข่งขันรอบสุดท้ายรายการ ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่น 7 หรือ(เอเอฟ 7) หมายเลข “วี 11” ที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว วิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรง ว่า ไม่ได้อ่านข้อความ ดังกล่าวแต่ถ้าโพสต์ด้วยข้อความที่หยาบคายถือว่าไม่เหมาะสม
         
ทีมพีอาร์ที่นำศิลปินเอเอฟฯ เดินทางมาเพื่อรับสายประชาชน วันนี้ ให้ข้อมูลว่านายวิทวัสกำลังอยู่ภายในบ้านเอเอฟ ซึ่งไม่มีทีวีให้ชม จึงทำให้ไม่ทราบข่าวที่เคยเคยโพสต์ข้อความเอาไว้

ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการรับโทรศัพท์เพื่อแสดงความคิดเห็น ในโครงการ 6 วัน 63 ล้านความคิดว่า ยอดรวมทั้งหมดจนถึงขณะนี้ มีจำนวน 55,796 สาย  โดยปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือนเป็นปัญหาสำคัญที่มีประชาชนโทรมาแสดงความคิดเห็นมากที่สุด ปัญหาการเมืองเป็นลำดับที่ 2 ปัญหาเรื่องสวัสดิการสังคม เป็นลำดับที่ 3 ลำดับที่ 4 เป็นการแสดงความคิดเห็นในส่วนของนโยบายการศึกษา ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในชนบท และชุมชนเมือง และปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ เป็นลำดับที่ 5

นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่าในเวลา 20.00 น.ซึ่งจะปิดสายรับโทรศัพท์แสดงความคิดเห็นจะมียอดรวมแสดงความคิดเห็นกว่า 60,000 รายหากปัญหาใดสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ก็ทำทันที

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงยอดการโทรศัพท์ที่มีไม่ถึง6 หมื่นราย ว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนไทยทั้ง 63ล้านคนโทรศัพท์เข้ามา แต่เสียงของคนเหล่านี้ก็สะท้อนความเป็นตัวแทนของประชาชน และปัญหาก็มีหลากหลาย ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลมีหลายวิธีการที่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

นายกฯ กล่าวต่อว่า เท่าที่ได้รับสายก็แบ่งได้เป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นข้อเสนอแนะที่มีทั้งเรื่องการศึกษา ปัญหาการรณรงค์บางประเด็น ขณะเดียวกันก็มีเรื่องร้องเรียนเข้ามามากถือเป็นการ สะท้อนปัญหาของโครงสร้างว่าการแก้ปัญหาด้วยกลไกปกติ ประชาชนส่วนใหญ่อาจไม่ทราบ หรือไม่สามารถตอบสนองได้.