โพลหนุนนายกฯคนนอกแก้วิกฤต
กมธ.ยกร่างฯเผยสำรวจประชาชน หนุนมีนายกฯคนนอกแก้วิกฤต
กมธ.ยกร่างฯเผยสำรวจประชาชน หนุนมีนายกฯคนนอกแก้วิกฤต
นางถวิลวดี บุรีกุล ฐานะประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่สอง ช่วงเดือนมิ.ย. 2558 โดยความร่วมมือจากสถาบันพระปกเกล้า โดยมีประชาชนจำนวน 77,160 รายร่วมให้ความเห็น มีข้อสรุปของการแสดงความเห็นดังต่อไปนี้
1.เรื่องความเป็นพลเมือง สิทธิ และหน้าที่ของพลเมือง อาทิ พลเมืองต้องไม่กระทำที่ทำให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนในชาติหรือศาสนา เห็นด้วย 97.8 % สื่อมวลชนมีเสรีภาพในการประกอบวิชาชีพและรับผิดชอบต่อสังคม เห็นด้วย 96.7%การเสียภาษีโดยสุจริต เห็นด้วย 96.9% บุคคลย่อมอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และมีเสรีภาพที่จะกระทำการใด เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น เห็นด้วย 95.7 % ให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งย้อนหลัง 3 ปี เห็นด้วย91.2 % กำหนดให้ตรวจสอบคุณสมบัติของคู่สมรสและบุตรของผู้สมัครรับเลือกตั้งย้อนหลัง เห็นด้วย84.6 %
2.ประเด็นระบบผู้แทนและผู้นำการเมืองที่ดี แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐสภา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความเห็นประชาชนเกิน90 % เห็นด้วยกับประเด็นที่บัญญัติใหม่ ดังนี้ ให้มีคณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการด้วยระบบคุณธรรม, ให้ส.ส.พ้นจากตำแหน่งเมื่อไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี, ในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อให้ประชาชนเลือกพรรคที่ชอบได้หนึ่งพรรคและสามารถเลือกผู้สมัครในพรรคอื่นที่ชื่นชอบได้ด้วย, สว.มีอำนาจร่วมกับสส.ในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และแก้ไขรัฐธรรมนูญ, การคิดคะแนนผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. ให้คำนวณจากคะแนนนิยมของพรรคที่ประชาชนเลือกเป็นหลัก
ขณะที่ประเด็นที่ประชาชนเห็นด้วยเกิน80 %มีดังต่อไปนี้ การเลือกตั้งสส.เขตให้เลือกได้เขตละ 1 คน, สส.มีอิสระจากมติพรรคการเมือง, สว.มีจำนวนไม่เกิน 200 คน, วุฒิสภามีสิทธิเสนอกฎหมายได้, ในกรณีบ้านเมืองเกิดวิกฤต ส.ส.สามารถลงมติเลือกบุคคลที่ไม่เป็นส.ส.เป็นนายกฯ ได้โดยใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 และให้จัดระบบหยั่งเสียงความนิยมของบุคคลก่อนส่งลงสมัครสส.
ขณะที่ประเด็นคำถามที่ให้สส.เป็นผู้เลือกนายกฯ ประชาชนเห็นด้วย77 % และ ประเด็นสว.มาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คนประชาชนเห็นด้วย 77.1 %
3.ประเด็นนิติธรรม ศาล และองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ มีความเห็นประชาชนที่เห็นด้วยเกิน 90 % ดังนี้ กำหนดกรอบเวลาพิจารณาคดีของศาลให้ชัดเจน, ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและกรรมการในองค์กรตรวจสอบต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและเปิดเผยต่อสาธารณะ, ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิเข้าชื่อถอดถอนกรรมการในองค์กรตรวจสอบได้, ห้ามข้าราชการอัยการดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ใดในรัฐวิสาหกิจหรือกิจการอื่นของรัฐ หรือบริษัทเอกชน,
4.ประเด็นการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง มีความเห็นประชาชนที่เห็นด้วยเกิน90 % อาทิ การจัดตั้งกองทุนให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและคดีแก่ประชาชน, ควรจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เสริมสร้างและทำงานทุกภาคส่วนให้เกิดความสมนฉันท์และปรองดอง , ควรมีมาตรการเยียวยาความเสียหาย รวมทั้งฟื้นฟูศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง และเห็นด้วยกับการจัดตั้งระบบบำนาญสำหรับทุกคน
นอกจากนั้นในความเห็นของประชาชนต่อแนวทางการแก้ไขความขัดแย้ง พบว่าส่วนใหญ่ 17.3 % เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลผสม รองลงมาคือให้ทหารปฏิวัติหรือรัฐประหารอีก 11 % ขณะที่การใช้กลไกนิติบัญญัติ อาทิ ยุบสภาแล้วแล้วตั้งใหม่ ออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้เด็ดขาด มีผู้เห็นด้วย 10.3 % และ 9.8 % ตามลำดับ
ส่วนแนวทางป้องกันความขัดแย้งหรือความรุนแรง ประชาชนส่วนใหญ่ 12.5 % เห็นว่าความปลูกจิตสำนึก สามัคคีปรองดอง และรณรงค์ลดความรุนแรง นอกจากนั้นยังมีคำถามต่อประเด็นการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้เกี่ยวข้องกับการประท้วงทางการเมือง ช่วง ปี 2548 – 2557 ที่ทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.มั่นคง ประชาชน 52.9 % เห็นด้วย และ 43.9 % ไม่เห็นด้วย