"กลุ่มคณาจารย์"จี้ปล่อยตัว14นศ.

กลุ่มคณาจารย์เดินทางเยี่ยม 14 นักศึกษา ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เรียกร้องปล่อย โดยไม่มีเงื่อนไข และไม่ดำเนินคดีใดๆ 

เวลา 12.00 น.วันที่ 30 มิ.ย.  ที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร  นายอนุสรณ์ อุณโณ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ นายประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  นายนิติ ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศษสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกลุ่มคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่คุมขัง ได้แถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัวกรณีที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติเข้าจับกุมนักศึกษาจำนวน 14 คน ในข้อหาตั้งกลุ่มชุมนุมทางการเมือง

 นายอนุสรณ์  กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของเครือข่าย ขอกล่าวถึงความคืบหน้าในระยะนี้ว่า ในช่วงกลุ่มนักศึกษาของเรายังถูกคุมขังอยู่ เราได้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกลุ่มอาจารย์เพื่อมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ และเมื่อวานนี้ทางกลุ่มของเราคือกลุ่ม “เครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง”  ได้ทำการหารือทิศทางกันในเบื้องต้นว่าจะจัดแถลงการณ์1ฉบับ โดยในแถลงการณ์ได้มีการจัดให้มีการลงนามของอาจารย์จากทั่วประเทศรวมทั้งสิ้นตอนนี้280 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านก็มาจากทั่วทุกภาคในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของคณาจารย์ที่มีความห่วงใยต่อศิษย์ในฐานะที่เป็นผู้อบรมบ่มนิสัยให้ความรู้

ซึ่งในแถลงการณ์กล่าวไว้ว่า  “สังคมไทยสร้างขึ้นจากความสัมพันธ์หลายด้านและหนึ่งในนั้นคือความสัมพันธ์ของครูและศิษย์เพราะพ้นจากครอบครัวและผู้ให้กำเนิดแล้วสถานศึกษาและครูบาอาจารย์คือสถานที่และบุคคลที่มีส่วนในการบ่มเพาะขัดเกลาสมาชิกของสังคมสังคมจะเป็นอย่างไรส่วนหนึ่งขึ้นกับรูปแบบวิธีการเรียนรู้และรวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะการค้นคว้าตำราหรือว่ากิจกรรมการเรียนการสอน ในห้องเรียน หากแต่หมายรวมถึงกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงและสิ่งที่อยู่พ้นห้องเรียนออกไป

การเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของนักเรียน นิสิต นักศึกษา โดยเฉพาะช่วงเดือนเศษที่ผ่านมานับเป็นกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงนอกห้องเรียนที่สำคัญประการณ์หนึ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในสังคมประชาธิปไตยที่เคารพสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลนักศึกษาเหล่านี่ไม่ได้ละเลยหน้าที่ในการเรียนรู้ของตนตามที่บางฝ่ายกล่าวหา และขณะเดียวกันพวกเขาได้แสดงบทบาทในครรลองของสังคมประชาธิปไตย อย่างกล้าหาญ เป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เพียงแต่จะสอดรับกับหลักการและทฤษฎีอันเป็นสากล หากแต่ยังสอดคล้องกับหลักกฎหมายที่นานาอารยะประเทศการรับรองจะมีก็แต่เผด็จการที่หวาดกลัว เสรีภาพในการเรียนรู้และการแสดงความเห็นต่างของพลเมืองเท่านั้นที่เห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นสิ่งที่ผิดหรือเป็นอันตรายจนกระทั่งต้องใช้อำนาจดิบหยาบและกฎหมายป่าเถื่อนเข้ายับยั้งปราบปราม

ในฐานะครูบาอาจารย์ผู้ตระหนักในบทบาทหน้าที่ที่มีต่อศิษย์และสังคม พวกเราเห็นว่าการจับกุมคุมขังนักศึกษาจำนวน 14 คนด้วยข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรมเพราะไม่มีความชอบธรรมตั้งแต่ต้นจึงเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเขาทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่ให้มีกาตั้งข้อหาหรือว่าดำเนินคดีกับพวกเขาในส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว

ประการสำคัญ พวกเราจะส่งเสริมและให้การสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ประชาธิปไตยนอกห้องเรียนของนักศึกษาเหล่านี้ในรูปแบบและวิธีการ่างๆ ต่อไปจนกว่าสังคมไทยจะกลายเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

นายอนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อเราพูดถึงการที่เราจะสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ ประชาธิปไตยนอกห้องเรียนของนักศึกษา ในฐานะที่เป็นคณาจารย์มีหน้าที่ให้ความรู้ ข้อมูลและความคิดเห็นกับสาธารณะอย่างสุจริต เราจะทำกิจกรรมที่เรียกว่าห้องเรียนสาธารณะ โดยหยิบยกเอาประเด็น5เรื่องที่ทางกลุ่ม ประชาธิปไตยใหม่ ชูขึ้นมา ซึ่งได้แก่ เรื่องของ ประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ และสันติวิธี สิทธิมนุษยชนและการมีส่วนร่วม จัดเป็นคล้ายกับ ซีรีย์ของห้องเรียนสาธารณะ จะมีสถาบันทางวิชาการ รวมไปถึงหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจะรับไปดำเนินการ ซึ่งกิจกรรมอันนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้ในประเด็นที่สำคัญกับสาธารณะ ซึ่งเราคาดหวังว่าต่อไปสังคมไทย จะได้มีความก้าวหน้าในทางสติปัญญา ความยับยั้งชั่งใจ กันมากขึ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากนี้ได้ตั้งเว็บเพจคณาจารย์ขึ้นมาและจะอัดวิดีโอของอาจารย์เพื่อแสดงความคิดเห็นและความห่วงใย ไว้ในเว็บเพจของเรา ซึ่งจะเริ่มต้นกันประมานวันสองวันนี้ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมกลุ่มคณาจารย์ เราก็ทำเท่าที่สามารถจะทำได้ตอนนี้และอยู่ภายใต้กฎหมายในปัจจุบัน  ทางนักศึกษาเองตอนนี้พอได้ยินเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทางกลุ่มคณาจารย์จะทำข้างนอกก็มีอาการดีขึ้นเห็นดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ตอนแรกๆค่อนข้างเครียด แต่หลังจากที่ทราบจำนวนอาจารย์ที่ลงชื่อในวันเดียวถึง 280 ก็มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้นมา ในส่วนของการลงนามตอนนี้ยังคงเปิดรับให้เข้ามาลงชื่อกันได้อยู่ทั้งคณาจารย์และประชาชนคนทั่วไปก็สามารถมาร่วมลงชื่อให้กำลังใจได้ทุกคน

ภายหลังการแถลงข่าวของคณะอาจารย์ที่เข้าเยี่ยมนักศึกษาทั้ง 14 คน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด อดีตแกนนำนปช. แสดงละครใบ้ด้วยการทำท่าทางลักษณะเหมือนคนถูกคุมขังภายในห้องขัง และพยายามแหวกว่ายกรงขังออกมาเพื่อต้องการอิสรภาพ  โดยผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า การแสดงท่าทางครั้งนี้ต้องการสื่อสารอย่างไร  นายสมบัติ กลับปฏิเสธให้คำตอบเนื่องจากเกรงว่าอาจผิกฎหมาย

ขณะที่ นายวิบูลย์   บุญภัทรรักษา มารดา นายจตุภัทร หรือไผ่ ดาวดิน 1 ใน 14 นักศึกษาที่ถูกจับกุมขังภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ  โดยกล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมนายจตุภัทรว่า  ตนได้อธิบายสิ่งต่างๆให้กับลูกชายได้เข้าใจว่า ถ้าเรามั่นใจในการทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ขอให้ภูมิใจ  ส่วนการโจมตีต่อต้านลูกชายตนก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้  ถ้าเราเลือกเป็นนักต่อสู้เพื่อชาวบ้านปัญหาเหล่านั้นถือเป็นเรื่องเล็ก ขอให้มั่นใจและจงภูมิใจ

“ส่วนเรื่องปัญหาคดีความและการเรียนนั้นเดี๋ยวมันก็ค่อยๆคลี่คลายลงได้ ซึ่งตนก็ได้พูดสิ่งเหล่านี้กับลูกไป  เพราะครอบครัวเรายังไงก็เป็นครอบครัวมีพ่อแม่และน้อง  ใครว่าอะไรก็ชั่งเราจะเดินไปด้วยกัน” นายวิบูลย์   กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดเห็นอย่างไรกับที่ลูกชายถูกจับกุมตัวในครั้งนี้ นายวิบูลย์ ระบุว่า ตนมองว่าการจับกุมลูกชายเป็นเรื่องตลก เพราะลูกชายมาให้กำลังใจเพื่อนๆนักศึกษาที่หน้าหอศิลป์ แต่ลูกชายตนมีคดีความอยู่แล้วที่จังหวัดขอนแก่น ตนมองว่าเด็กที่มาเขามาทำกิจกรรมและไม่ได้มีสิ่งใดรุนแรง ไม่ได้มีอาวุธอะไรเลย จากข่าวที่เห็นมีแต่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่มากกว่านักศึกษาเสียอีก

“ถ้าคุณมองว่าเป็นเรื่องความมั่นคง ทำไมคุณไม่บอกว่าหยุด  เหมือนกับการสั่งห้ามสัมมนา ห้ามประชุมห้ามชาวบ้านมาเสนอแนวทางออก อันนั้นหยุดได้  แต่นี่เด็กๆ มาทำกิจกรรมทั้งๆที่ไม่มีอะไร  แต่วันรุ่งขึ้นออกหมายจับใส่ข้อหา ม.116 รู้ไหมโทษมันไม่เกิน 7 ปี กับแค่เพียงกิจกรรมของเด็กๆเท่านั้น แต่อยู่ๆลูกชายโดนข้อหามาตรา 116 ผมมองว่ามันเป็นเรื่องตลก” นายวิบูลย์   กล่าว

ถามอีกว่า  การดำเนินการของเด็กมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายวิบูลย์  กล่าวอีกว่า ยอมรับมีคนอยู่เบื้องหลัง ในอดีตสมัยก่อนตนเป็นทนายความอยู่ในชมรมสิทธิมนุษย์ชนภาคอีสาน  ตนออกไปบรรยายกฎหมายให้ชาวบ้าน ช่วยเหลือด้านกฎหมาย ซึ่งนายจตุภัทร ลูกชายตนก็เดินทางไปด้วยกันตลอด นี่คือเบื้องหลังของการออกมาช่วยเหลือพี่น้องเหมืองโปเตส จังหวัดเลย เพราะเขาลงไปสัมผัสและยังเรียนกฎหมายเหมือนกับตน  และก็นำสิ่งที่ลูกชายเรียนกับสิ่งที่ลงพื้นที่ไปพบเจอมานั้นเหมือนกันหรือไม่  ซึ่งเป็นคำถามที่เขาตั้งขึ้นเอง  จึงทำให้พวกเขาลงไปช่วยเหลือชาวบ้าน

“เบื้องหลังของเขาก็คือวิธีคิด วิธีเข้าใจถึงปัญหาและรวมช่วยชาวบ้านกับปัญหานั้น นั่นคือเบื้องหลังของพวกเขา  เขาไม่สนใจด้านที่ต้องเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียวเพื่อให้เก่งๆเพื่อเอาเกียรตินิยมมาอวดคนในหมู่บ้านซึ่งนั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง  แต่ลูกชายเลือกที่จะไม่ทำและนั่นคืออาจเป็นความผิดปกติของลูกชายที่ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน ” นายวิบูลย์   กล่าว

นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กที่ถูกจับกุมด้วย  บางคนเป็นข้าราชการ บางทีทัศนคติจึงไม่เหมือนกัน เพราะด้วยอาชีพบางคนเป็นข้าราชการการถูกควบคุมจึงทำได้ง่าย  แต่ไม่มีใครสามารถควบคุมตนได้ ซึ่งเด็กๆในเรือนจำทุกคนสบายดีหมด นอกจากนี้ตนขอฝากไปยังแม่ทัพภาค 1 ที่บอกว่าเด็กเหล่านี้ได้ค่าจ้าง คนละ 1 หมื่นบาท ที่บอกว่ารู้ชื่อหมดว่านักการเมืองคนไหนให้เงิน  แต่ทำไมเรื่องถึงเงียบไปตอนนี้ มีการดำเนินการเรื่องนี้ถึงไหนแล้ว  ทุกรัฐบาลทุกเหตุการณ์สามารถเชื่อมได้หมด  ถ้าอย่างตนจะบอกว่าอย่างเหตุการณ์รัฐประหารครั้งมีผู้อยู่เบื้องหลังก็สามารถบอกได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิบูลย์ และนางพริ้ม ได้เดินทางมาเยี่ยมนายจตุภัทร ซึ่งเป็นลูกชายและอยู่ในกลุ่มนักศึกษาดาวดิน โดยหลังจากเยี่ยมเสร็จยังได้รวมร้องเพลงพร้อมเล่นกีตาร์ในเพลง “บทเพลงของสามัญชน” มีเพื่อนนักศึกษาและประชาชนที่มาให้กำลังต่างปรบมือร้องเพลงอย่างคึกคักบริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมการเปิดให้บุคคลรวมเขียนข้อความให้กำลังใจนักศึกษาทั้ง 14 คน โดยให้แปะกระดาษข้อไว้ที่บริเวณรั้วของเรือนจำ นอกจากนี้พบว่านายวิบูลย์ ยังเคยร่วมชุมนุมในเหตุการณ์ 14 ตุลา และไล่เผด็จการทหารมาทุกสมัย  รวมถึงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.หรือกลุ่ม นปช. นายวิบูลย์ ก็จะไปเข้าร่วมชุมนุมด้วย