posttoday

“สุวพันธุ์” นั่งหัวโต๊ะขับเคลื่อนงานรัฐบาลเร่งแก้กม.หวังแก้ไอยูยู

20 พฤษภาคม 2558

ด้าน “ศธ.” ดันปีนี้ต้องอ่านออกเขียนได้ ขณะที่ “วท.” ชงนวัตกรรมลงทุนรัฐร่วมธุรกิจ แจงเบิกจ่ายงบฯ น่าพอใจ “นายก” สั่งการบ้าน ทุกเจ้ากระทรวงเร่งรัดในพื้นที่

ด้าน “ศธ.” ดันปีนี้ต้องอ่านออกเขียนได้  ขณะที่ “วท.” ชงนวัตกรรมลงทุนรัฐร่วมธุรกิจ แจงเบิกจ่ายงบฯ น่าพอใจ “นายก” สั่งการบ้าน ทุกเจ้ากระทรวงเร่งรัดในพื้นที่
 
เวลา12.45น. วันที่ 20 พ.ค. ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่5/2558 ว่า สำหรับข้อสรุปในการประชุมดังกล่าว เรื่องแรก เป็นการติดตามการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฏหมาย โดยกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ ในฐานะศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย หรือศปมผ. ได้เข้ารายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ซึ่งมีความคืบหน้าในด้านการจัดตั้งศูนย์ บริหารจัดการ และวางกรอบยุทธศาสตร์ในการทำงาน ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนก็คือการจัดตั้งศูนย์ควบคุมเรือเข้าออก การจดทะเบียนเรือ การตรวจสอบการออกทำประมง ซึ่งศปมผ.จะมีการแก้ไขกฏหมายสำคัญ เพื่อให้การทำประมงเป็นมาตรฐานที่สากลขึ้น ทั้งกฎหมายหลัก และกฎหมายรอง อย่างไรก็ตามตนได้ฝากทาง ศปมผ.ให้ช่วยเร่งรัดเรื่องนี้ด้วย ทางรัฐบาลก็จะช่วยอำนวยความสะดวกอีกทาง

“การดำเนินงานครั้งนี้ในส่วนกองทัพเรือถือว่ามีความคืบหน้า และได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ที่ใกล้ชิด เป็นเอกภาพ ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เริ่มต้นได้ดี และเดินไปข้างหน้าได้” นายสุวพันธ์ กล่าว และว่า ในด้านการศึกษา ทางกระทรวงศึกษาธิการได้มาชี้แจง ถึงการพัฒนาปรับปรุง และปฏิรูปในระยะยาว 7กลุ่ม ได้แก่นักเรียน อาจารย์ ระบบหลักสูตรการศึกษา การพัฒนาอาชีวะศึกษาควบคู่สายสามัญ ทวิภาคีระหว่างโรงเรียนกับหน่วยงานเอกชน รวมถึงส่วนที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการเข้าสู่อาเซียน โดยจุดมุ่งหมายนักเรียนต้องอ่านออกเขียนได้ ต้องปลอดคนที่อ่านไม่ออก ซึ่งในภาพรวมส่วนนี้ตนถือว่ามีความก้าวหน้าขึ้น จริงอยู่สังคมอาจไม่ค่อยเห็น แต่กระทรวงศึกษาฯได้วางแนวทางไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามในวันที่21พ.ค.นี้ทางนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปตรวจราชการที่กระทรวงศึกษาฯอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อทำให้เกิดการพัฒนา ช่วยสร้างนวัตกรรมการลงทุนทางธุรกิจอีกด้วย โดยขอดูผลความคืบหน้าในอีก3เดือน อีกทั้งยังมีความคืบหน้า พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก เพื่อการดำเนินงานของทุกกระทรวง ที่มีกว่าสี่หมื่นงานจะต้องเร่งรัด จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ก.ค.58 โดยวันนี้เป็นการซักซ้อมความพร้อมของหน่วยงานราชการ และเร่งรัดให้ไปดำเนินการในส่วนของคู่มือเพื่อแจกจ่ายประชาชน ที่จะต้องส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) เพื่อพิจารณา ในวันที่21พ.ค.นี้

นายสุวพันธุ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของแต่ละหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ไปดำเนินการว่าคืบหน้าไปอย่างไรบ้าง ซึ่งมีความคืบหน้าในเรื่องของการเบิกจ่ายไปบ้างแล้ว แต่ยังต้องเร่งรัดให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมการเบิกจ่ายถือว่าน่าพอใจ มี 2-3 หน่วยงาน ที่เบิกจ่ายไม่ถึง 50 % และได้เร่งรัดให้ไปเบิกจ่ายและกลับมารายงานผลความคืบหน้าในเดือนมิถุนายนนี้ โดยงบการลงทุนจะต้องเร่งรัดให้มีการขับเคลื่อนเพิ่มมากขึ้น เพราะบางเรื่องอาจจะมีปัญหาติดขัดบ้าง เช่น หาผู้รับเหมาดำเนินการไม่ได้ ขณะที่บางหน่วยงานอยู่ในขั้นตอนการก่อหนี้ผูกพันแต่ยังไม่มีการเบิกจ่าย นอกจากนั้นยังมีบางโครงการที่ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี แต่ภาคเอกชนยังไม่เบิกจ่ายเงิน โดยที่สำรองจ่ายออกไปก่อน มีประมาณ 10,000 ล้านบาท ในขณะที่งานและเงินได้ลงพื้นที่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงไปเร่งรัดในโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเอง รวมทั้งเรื่องของการเบิกจ่ายงบฯให้เป็นไปตาม กรอบระยะเวลาอีกด้วย