posttoday

สนช.นัดลงมติถอดถอน"บุญทรง-ภูมิ" 8พ.ค.

07 พฤษภาคม 2558

วิชา แถลงปิดคดีถอดถอนจีทูจี อัด จีทูจี สัญญาลวงโลก ลวงรัฐ​  บุญทรง ย้อน ยุติธรรมอำพราง  สนช.นัดลงมติถอดถอน 8 พ.ค.

วิชา แถลงปิดคดีถอดถอนจีทูจี อัด จีทูจี สัญญาลวงโลก ลวงรัฐ​  บุญทรง ย้อน ยุติธรรมอำพราง  สนช.นัดลงมติถอดถอน 8 พ.ค.

วันที่ 7 พ.ค. ที่ประชุมประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาวาระ​ดำเนินกระบวนการถอดถอนนายภูมิ สาระผล  อดีตรมช.​พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง กรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ​ซึ่งเป็นการรับฟังคำแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)​ผู้กล่าวหา ​นายภูมิ และ นายบุญทรง ผู้ถูกกล่าวหา ขณะที่ นายมนัสยื่นคำแถลงปิดคดีเป็นเอกสาร ​

นายวิชา มหาคุณ ป.ป.ช.​ เริ่มต้นแถลงปิดสำนวนว่า นายมนัส ร่วมกับ นายภูมิ และ นายบุญทรง  ร่วมกันทำสัญญาระบายข้าว กับบริษัท กวางตุ้งสเตชั่นนารีแอนด์สปอร์ตติ้งกูด อิมพอร์ตแอนด์เอกซ์พอร์ต (จีเอสเอสจี ) และไฮ่หนานเกรนแอนด์ออยล์อินดัสเตรียล  (ไฮ่หนาน) ซึ่งระบุว่าได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนให้มาทำสัญญาค้าข้าว  ทั้งที่ผู้เข้ามาเจรจายังเดินทางมาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวผิดปกติวิสัย ขณะที่คนที่ได้รับอำนาจให้เจรจาคือเป็นเพียงพนักงานส่งเอกสารให้สยามอินดิก้า และ​คนขับรถของเจ้าของบริษัทค้าข้าว

นอกจากนี้ ในประเด็นเรื่องเงินชำระค่าข้าวที่มีการพูดถึงว่าชำระราคาครบถ้วน ​นั้นในข้อเท็จจริงเป็นการพูดความจริงไม่ครบหรือบิดเบือนความจริงเพราะจากการตรวจสอบไม่พบว่าเงินดังกล่าวได้รับจากจีเอสเอสจี หรือ ไฮ่หนาน  แต่รับชำระเงินจากผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หลายๆ บริษัท  อีกทั้ง การเจรจาซื้อขายข้าว ที่อ้างแบบรัฐต่อรัฐ ระหว่างราชอาณาจักรไทย รัฐวิสาหกิจจีน ไฮ่หนาน เป็นกลอุบาย ของผู้ถูกกล่าวหา  ที่สร้างขึ้นมาสมคบคิด อุปโลก เข้ามาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ

“ในห้วงที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการให้เกิด ปรากฏการณ์ ที่เรียกกันว่าการระบายข้าวแบบจีทูจี ​แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ​เป็นกระบวนการ อาศัยกลอุบาย หรือเล่ห์กระเท่ ที่ต้องการทำให้ ดูเหมือนเป็นจีทูจี แต่ไม่ใช่เลย เป็นกระบวนการตกลงกับบริษัทรัฐวิสาหากิจ ของจีน ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจ  จากรัฐบาลจีนถือว่ากระบวนการทั้งหมดนี้ เป็นกระบวนการเพื่อหลีกเกลี่ยงการตรวจสอบ เป็นการวางแผน เป็นขัั้นเป็นตอน เปลี่ยนแปลงการชำระเงินจากแบบแอลซี หรือเล็ตเตอร์ออฟเครดิต ตรวจสอบได้ง่าย ว่าเงินที่ชำระมาจากแหล่งใด ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรหรือไม่”​ นายวิชา กล่าว

นายวิชา กล่าวว่า  จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการส่งออกข้าวไปต่างประเทศตามสัญญารวม 4.9 ล้านตัน เพราะ ช่วงเวลาดังกล่าวรวมข้าวส่งที่ส่งออกไปยังประเทศจีนมีเพียงแค่ 3.75 แสนตันเท่านั้น  อีกทั้งการไต่สวนของปปช. ไม่ได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัว  ที่ถูกกล่าวหาว่ามีอคติ  แต่มีการไต่สวนรับฟังความทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรม  คำกล่าวอ้างเป็นเพียงการทำลายความน่าเชื่อถือ  และ ปปช.​ได้ประสานผ่านอัยการสูงสุดให้สองบริษัทเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแต่ก็ไม่ได้ติดต่อมา

“การทำสัญญาจีทูจี ที่อ้างถึงจึงสัญญาลวงโลก ลวงรัฐ​และ หลอกลวงประชาชนทั้งประเทศ​ ทั้ง นายมนัส สร้อยพลอย นายภูมิ สาระผล นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ได้ร่วมกัน อุปโลก ให้สองบริษัทเข้ามาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อไม่ต้องแข่งขันด้านราคา  และนำข้าวออกไปเวียนเทียน ตอกย้ำ ซ้ำเติมความเสียหาย แก่งบประมาณ แผ่นดิน เงินภาษีอากร ที่เก็บจากประชาชน เท่าทวีคูณ” นายวิชากล่าว

ด้าน นายภูมิ  กล่าวแถลงปิดดคีว่า  การปฏิบัติหน้าที่ รมช. พาณิชย์ และ ประธานอนุระบายข้าวที่ได้รับมอบหมาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส  ไม่มีการสบคบแบ่งแยกอำนาจกับใครตามที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งการแต่งตั้งอนุกรรมาการพิจารณาระบายข้าวมาจากข้าราชการประจำที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากรัฐบาลก่อน  ซึ่งไม่มีเหตุผลที่ตนเองจะไม่ให้ความเชื่อถือ 

อย่างไรก็ตาม การระบายข้าวแบบจีทูจี เป็นประโยชน์ในการระบายข้าวในปริมาณมาก สามารถนำข้าวเก่าออกจากสต็อกจำนวนมากลดภาระค่าใช้จ่ายได้มาก อีกทั้งบริษัทจีเอสเอสจี นั้นเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน  อีกทั้งโครงการรับจำนำข้วามีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก มีผู้เสียประโยชน์​ได้ประโยชน์​ซึ่งชาวนาได้ประโยชน์ต้องช่วยชาวนา แต่ต้องป้องกันการเอารัดเอาเปรียบป้องกันการทุจริต  ทุจริตไม่ใช่เหมารวมผู้ปฏิบัติหน้าทีต้องรับผิดชอบด้วยกันหมด ควรแยกแยกใครผิดไม่ผิดหากใช้วิธีแบบเหมารวม ต่อไปจะทำให้คนทำงานต้องระมัดระวังตัวว่าจะกระทำผิด

นายภูมิกล่าวว่า กรณีการขายข้าวจีทูจีราคาต่ำกว่าราคาตลาดและราคารับจำนำข้าวนั้น  ขอยืนยันว่าในอดีตไม่เคยปรากฏ รัฐเคยขายได้สูงกว่ากว่า ราคาตลาดหรือ รับจำนำ   ซึ่งขอยืนยันว่าการดำเนินการมีเจตนเพื่อประโยชน์ของรัฐ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ตนเอง หรือผู้หนึ่งผู้ใด  อีกทั้ง หาก สนช.จะลงมติถอดถอนระหว่างที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีนี้อยู่นั้น หากสุดท้ายศาลพิพากษายกฟ้อง สนช.จะมีมาตรการเยียวยากระบวนการที่ถอดถอนไปแล้วอย่างไร 
ด้านนายบุญทรง กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ที่ระบุว่าทุจริต ทรยศต่อประชาชนเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรงไม่มีทางเป็นไปได้ นายวิชา ถนัดใช้วาทกรรม ยิ่งกว่าผู้แทนในสภาฯ​กล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่ร่วมกันใช้เล่กระเท่ทางการค้าสวมรอย อุปโลกขายข้าว ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วการดำเนินการระบายข้าวไม่สามารถใช้เล่ห์ สวมรอยได้เนื่องจากต้องทำตามขั้นตอนปฏิบัติฝ่ายราชการ กรอบการทำงาน มีขั้นตอนมีวิธีการดำเนินการ

นอกจากนี้ แนวทางระบายข้าวจีทูจี ก็หลักเกณฑ์เดิม เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ข้าราชการก็หน่วยงานเดิม สมัยรัฐบาลอภิิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ทำด้วยมาตรฐานเดียวกัน แต่ต่อมากลับทำให้ถูกมองว่าเป็นสมองมาตรฐานทั้งที่รัฐบาลชุดก่อนทำถูก แต่ต่อมาถูกกล่าวหาว่าผิด  ยืนยันว่าจีทูจีไม่เก๊ตามที่ถูกกกล่าวหาก  แต่เป็นการบิดเบือนทำให้คนเข้าใจผิด และผู้ซื้อทั้งสองราย  เป็นรัฐวิสหากิจจีนจริงเช่นเดียวกับกับคอฟโคของจีน

นายบุญทรง กล่าวว่า  ส่วนการขายข้าวแบบเอ็กซแวร์เฮ้าส์  ให้มารับมอบสินค้าหน้าโกดัง นั้นเป็นประโยชน์ของฝ่ายไทยเพราะไม่ต้องรับภาระเรื่องปรับปรุงคุณภาพ การขนส่ง ประกันภัย  โดยผลักภาระให้อยู่ที่ผู้ซื้อ ไม่ได้เปิดช่องให้เกิดการทุจริต ​และบริษัททั้งสองแห่งเป็นรัฐวิสาหกิจจีน  ไม่มีใครอุปโลกหรือสวมรอยใดๆ  แต่ปปช.ละเลยไม่ตรวจสอบ  แม้จะมีการอ้างบริษัทจีเอสเอสจีเป็นพยานบุคคลแต่กลับถูปปช.ตัดออกเหมือนมีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า แทนที่จะเชิญมาให้ปากคำในฐานะพยาน

“ที่พูดถึงคุณธรรมจริยธรรมตลอดเวลานั้น เป็นคำกล่าวอ้างที่สวยหรู หรือประดิษฐ์ ที่ย้อนแย้งกับความเป็นจริงมีการเลือกสอบ บางฝ่ายบางพวกที่อยู่ตรงข้ามกับผมกลับไม่ถูกดำเนินคดี บางคดีรอเป็นสิบปี แต่เลือกถอดถอน มนัสสร้อยพลอย ไม่ถอดถอนคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นการกระทำยุติธรรมที่มีสองมาตรฐาน  ตอกย้ำตลอดเวลารัฐบาลย่ิงลักษณ์ มีแต่ความช่ัวร้าย  และการอวดอ้างว่าว่ายุติธรรม แต่เมื่อพวกผมทบทวนถ่องแท้แล้วพบเป็นการยุติธรรมอำพราง คือต้นทางกระบวนการ เลือกไต่สวนพยานไม่เป็นคุณกับผม  นี่คือการอำพราง“ นายบุญทรงกล่าว

นายบุญทรง กล่าวว่า  ในขั้นตอนการพิจารณาถอดถอนนั้น  สมควรหรือไม่ที่สภาแห่งนี้จะไม่ก้าวล่วงพรมแดนของศาล  อีกทั้งก่อนหน้านี้ผู้กล่าวหายังแสดงออกถึงอคติ เกลียดชังอย่างออกหน้าเคียดแค้น จนไม่รู้ว่าว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาตั้งแต่ชาติปางใด มีการยกตนเอาความดีเข้าตัวเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม วางกรอบด้วยามาตรฐานาน ย้อนแย้งกับทางปฏิบัติ เป็น ยุติธรรมอำพราง

​“สภาแห่งนี้ตระหนักว่าการใช้ดุลพินิจในวันพรุ่งนี้ (8พ.ค.)สนช.จะ​ยืนอยู่บนหลักยุติธรรม ซึ่งต้องมีความคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา หรืออยู่่บนฝ่ายุติธรรมอำพราง พวกกระผมไม่เคยลวงโลก ลวงรัฐ หลอกลวงประชาชน ปฏิเสธเสธทุกข้อกล่าวหา”​นายบุญทรงกล่าว

สุดท้าย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.นัดพิจารณาลงมติถอดถอน ทั้งสามคนในวันที่ 8 พ.ค. นี้