posttoday

"บิ๊กตู่"ขู่จัดการสื่อหากเสนอแต่ข่าวความขัดแย้ง

25 มีนาคม 2558

นายกฯสั่งตรวจสอบ กทม.หละหลวมระบายน้ำท่วมขังไม่ทัน ฉุน 'ฐปณีย์'ตีข่าวแรงงานไทยในอินโดฯ ขู่จัดการสื่อหากเสนอแต่ข่าวความขัดแย้ง ปัดครม.ขัดแย้งกัน

นายกฯสั่งตรวจสอบ กทม.หละหลวมระบายน้ำท่วมขังไม่ทัน ฉุน 'ฐปณีย์'ตีข่าวแรงงานไทยในอินโดฯ ขู่จัดการสื่อหากเสนอแต่ข่าวความขัดแย้ง ปัดครม.ขัดแย้งกัน

วันที่ 25 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผย ก่อนเดินทางไปเยือนประเทศบรูไนดารุสซาลาม อย่างเป็นทางการ กรณีเหตุน้ำท่วมขังหลายจุดในกรุงเทพฯ หลังฝนตกหนัก เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ว่า ได้สั่งให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ คสช. เฝ้าระวังว่าจะมีพายุฤดูร้อนเข้ามา ตั้งแต่ 2 สัปดห์ที่ผ่านมา  ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นความหละหลวมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ที่ปล่อยให้มีเหตุการณ์น้ำท่วมขัง ระบายน้ำไม่ทัน

"วันนี้กำลังให้ตรวจสอบไปที่กทม.ด้วย ทำไมปัญหาการระบายน้ำมันอยู่ที่ตรงไหน แล้วมาตามแก้กัน นี่ไงคือปัญหาของประเทศไทย ทำงานแบบเชิงรับกันตลอด มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น วันนี้คสช.มองไปในวันข้างหน้าว่าจะทำอย่างไรให้น้ำไม่ท่วม ไปบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ไม่ใช่ทำแก้ปัญหาแบบนี้ไม่เอา วันนี้ก็ได้สั่งให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดูด้วย เพราะมีหน้าที่ดูแลเรื่องทุกข์สุข ก็ให้ทั้งกระทรวงมหาดไทยช่วยดูตามต่างจังหวัด รวมทั้งคสช.และทหารก็เตรียมการช่วยเหลือไว้ แต่ทำไมน้ำมันขังได้ก็ไม่รู้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า   ถือเป็นเรื่องดีที่พายุฤดูร้อนจะเข้ากรุงเทพฯ มาเพียงช่วงสั้นๆ 3-4 วัน ก่อนจะเลยไปภาคเหนือ  จึงขอให้พื้นที่ภาคเหนือเตรียมการเฝ้าระวัง  และได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยไปดูแลเรื่องการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากพายุฤดูร้อนในจังหวัดต่างๆ เพราะการทำงานแบบทหาร จะต้องมีแผน 2 ไว้รองรับ

“หากเป็นไปได้ อยากให้ฝนไปตกพื้นที่ไฟป่า จะได้แก้ปัญหาหมอกควัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ใช้เวลา 7-8 เดือนที่ผมเข้ามาทำงาน แล้วจะแก้ไขได้ เพราะเป็นปัญหาหมักหมมมานาน ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการช่วยเหลือชาวประมงที่อินโดนีเซีย ว่า ได้ดำเนินการมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ได้ช่วยเหลือไปแล้ว ที่เกาะอัมบน 26 คน และขอย่านำไปขยายความ โดยเฉพาะสื่อก่อนการนำเสนอต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศ ทำให้เกิดปัญหา รวมถึงความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยทำ แต่วันนี้รัฐบาลนี้กำลังแก้ทุกอย่าง แต่ถามว่าเรือมี4-5 ลำ ใช้ชื่อเดียวกันได้หรือไม่ รัฐบาลนี้กำลังขึ้นทะเบียนเรือ ติดจีพีเอส จับปลาที่ไหนมาต้องแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ที่จับมา

"ให้ผมทำทุกอย่างให้เสร็จเร็วๆ แล้วก็ไล่ผมไปมันได้ที่ไหน ก็เจรจามาตลอด พูดคุยกันอยู่ ทำไมจะเกิดเหตุไหมถ้าตีข่าวนี้ออกไปปัญหาการค้ามนุษย์ ไอยูยู ถ้าเขาไม่ซื้อปลา 2 แสนกว่าล้าน พวกที่ตีข่าวคุณรับผิดชอบกันนะ คนไทยทั้งประเทศเสียหาย ผมบอกไว้เลยฐปณีย์ มาหาเจ้าหน้าที่ด้วย ไปพูดอยู่ข้างนอก มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำไม่ได้ เพราะฐปณีย์ เสนอข่าว ที่ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่ยอมรับอะไรสักอย่างจะเอาแต่สิทธิเสรีภาพ จะเข้าประเทศนู้นประเทศนี้โดยไม่มีใบอนุญาต" นายกฯกล่าว

นายกฯ กล่าวถึงกรณีที่ เรียก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ไปพบ วานนี้ (24 มี.ค.) ว่า ไม่ได้เรียกไปปรับความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งในการทำงานด้านเศรษฐกิจ ยืนยัน รัฐบาลนี้ไม่มีการทะเลาะขัดแย้งกัน 

"หากจะมีการทะเลาะ ก็จะมีผมเพียงคนเดียว ที่สามารถตำหนิ ครม.ได้ และกระแสข่าวปรับ ครม. เป็นเพียงการนำเสนอของสื่อฯ เท่านั้น ยังจะไม่มีการปรับใคร การปรับ ครม.ไม่ใช่การแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกประเทศได้รับผลกระทบและเดือดร้อนเหมือนกันหมด อย่างไรก็ตาม จะดูการทำงานอีกระยะหนึ่ง" นายกรัฐมนตรี กล่าว 

วันเดียวกันนี้นายกรัฐมนตรีมีสีหน้าเคร่งเครียดและแสดงอารมณ์โกรธ และโมโหตลอดระยะเวลาการให้สัมภาษณ์ รวมทั้งได้มีการเตรียมเอกสารเพื่อชี้แจงกับผู้สื่อข่าวโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ มีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรงถึงขนาดบางช่วงเสียงสั่น และมีการโยนเอกสารใส่ผู้สื่อข่าว โดยการให้สัมภาษณ์วันนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นรวม 23 นาที
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีเข้าพบและหารือเมื่อบ่ายวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีการพูดคุยในเรื่องปัญหาความขัดแย้งอะไร "เป็นการปรึกษาเรื่องการงาน ทำไมจะทะเลาะอะไรกันหนักหนา ทำไมอยากให้ทะเลาะกันหรือไง เห็นสื่อเขียนกันเหลือเกินว่าไอ้โน้นทะเลาะกับไอ้นี่ ถ้าจะทะเลาะมีผมทะเลาะได้อยู่คนเดียวถ้าใครบกพร่องผมก็ตำหนิเขา แต่ถ้าทำดีผมก็ต้องชมและก็เรียกมาหารือกัน มันก็แค่นั้น จะมีอะไรมากไปกว่านี้วะ อยากจะรู้นัก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีการไปพูดโยงถึงเรื่องการทำงานและการปรับครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบอย่างเสียงดังว่า มีแต่พวกคุณพูดกันทั้งนั้นว่าจะมีการปรับ ครม. ถ้าปรับแล้วมันดีขึ้น เออ มันก็ใช่ แต่ถามว่าสถานการณ์ขณะนี้การปรับคนจะทำให้แก้ปัญหาได้หรือไม่ อยากให้ตอบ สมมติว่าหนังสือพิมพ์ของพวกคุณ ถ้าจะให้ขายดีต้องให้ไอ้นักข่าวคนนี้ออกไป บรรณาธิการคนนี้ก็ต้องออก แล้วมันจะดีขึ้นไหม มันไม่ได้แก้ปัญหาง่ายขนาดนั้น ประเทศชาติมีคนเกือบ 70 ล้านคน มีปัญหาร้อยกว่าเรื่องจนถึงวันนี้ขึ้นเป็นพันกว่าเรื่อง แทนที่จะมาช่วยกันเพราะวันนี้เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแบบนี้ ไปรวมพลังคนมาให้ได้มาช่วยกันแก้ปัญหา รวมกันทุกพวกไม่ใช่ตีให้แตกไปทุกเรื่อง เหมือนรัฐบาลปกติ มันไม่เข้าใจกันหรืออย่างไร
 
"เสรีภาพให้ก็ให้แล้ว ทุกอย่างไม่เคยห้ามอะไรเลย ไม่มีใครเขาให้แบบนี้หรอก เดี๋ยวผมจะดูอีกระยะหนึ่งนะสำหรับการทำงานของสื่อ ที่ผมและรัฐบาลทำมาทั้งหมดก็เพื่อคนไทยทุกคน แต่พอจะมีกลไกอะไรต่างๆ ออกมาก็ไม่ยอมกันจะกลับไปยืนที่เก่า สื่อก็คล้อยตามกันไปเรื่อย ยิ่งทำให้สังคมแตกแยก แล้วผมจะได้อะไรขึ้นมากับสิ่งที่ผมทำ ผมไม่ใช่การเมือง ผมไม่ได้ผลประโยชน์ ผมไม่มีธุรกิจ ที่พูดไม่ได้มาทวงบุญคุณอะไร ทั้งหมดผมทำให้คนไทย ถ้าใครมันไม่เข้าใจ มันก็ไม่ใช่คนเท่านั้น สื่อต้องช่วยกัน ต่อจากนี้ผมจะดูทุกสื่อและถ้าจำเป็นผมก็จะใช้อำนาจของผมทุกคน ไม่ได้ ไม่ให้มาวิจารณ์ วิจารณ์ได้แต่ต้องเข้าใจเสียหน่อย วันนี้คำสั่ง คสช.มีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ หรือลืมกันไปหมดแล้ว ลืมหรืออย่างไร สบายกันเกินไปแล้วมั้ง"
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า ถ้าสื่อเสนอข่าวลักษณะที่ทำให้แตกแยกจะพอจารณาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "สื่อใดที่เสนอข่าวสร้างความแตกแยกก็จะให้ทางสมาคมดำเนินการสอบมาแล้วถ้าสมาคมไม่ได้เรื่อง ผมก็จะให้คณะข้างบนเขาสอบต่อ เอามาตีดูสิว่าไอ้นี่มันสร้างความแตกแยกหรือไม่ ถ้าวิจารณ์ทั่วๆ ไป ผมไม่ว่า ติติงนิดหน่อยผมก็รับได้นะ แต่ถ้าพูดทุกวันว่าล้มเหลว มันจะล้มเหลวได้อย่างไรว่ะ ก็ของเก่ามันยิ่งกว่าล้มเหลวอีก เมื่อเราเข้ามาแก้ จากความล้มเหลวเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น คิดแบบนี้กันบ้างสิ"
 
เมื่อถามว่า จะถึงขั้นปิดสื่อเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่ามาหาเรื่องให้ตนต้องไปรบกับสื่อเลย เมื่อถามย้ำว่า บทลงโทษคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทันทีว่า "ประหารชีวิตมั้ง ถามส่งเดชไปได้ ก็อย่าทำกันสิ ระมัดระวังกันหน่อย สื่อต้องมีวิจารณญาณ มีจรรยาบรรณกันหน่อย เห็นเรียกร้องอยากได้จรรยาบรรณกันหนักหนา ให้ไปแล้วก็ใช้ไม่เป็น ไม่รู้จักใช้ อะไรที่เป็นความร่วมมือเพื่อทำให้ประชาชนก็ต่องมาร่วมมือกัน อะไรที่เป็นความขัดแย้งก็ต้องพอๆ เพราะเห็นว่ารัฐบาลเขากำลังทำงานอยู่ แต่ทุกวันนี้ไม่เคยเห็นสักฉบับไม่มีเลย มีน้อยมากหรือมีแค่บางคนเท่านั้น ผมไม่ได้ขอให้เชียร์"
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้สัมภาษณ์มาถึงจุดดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสร้างบรรยากาศ โดยขอให้นายกรัฐมนตรีรีบเดินทางขึ้นเครื่องบินเพื่อให้ทันตามกำหนดการเยือนบรูไน แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังคงติดพันและกล่าวกับผู้สื่อข่าวต่อ ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวว่าไม่มีคำถามจะถามแล้ว เกรงจะถูกคำสั่งประหาร พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า "ใช้เครื่องประหารหัวสุนัขเลย เดี๋ยวจะจัดการกับสื่อสักหน่อย รักกันอยู่แล้ว ขอร้องให้ช่วยกันหน่อย ไม่ใช่ให้มาแก้ตัวให้ผม แต่ขอให้ช่วยกันสร้างความรัก ความสามัคคี ไหนๆ เราก็มาถึงจุดนี้แล้ว เอาวิกฤตให้เป็นโอกาส ในการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ทำวิกฤตให้เป็นวิกฤต"
 
เมื่อถามว่าทำไมนายกฯ ไม่มองว่าคำวิจารณ์ต่างๆ เป็นความเห็นและการเสนอแนะ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ไปดูคำวิจารณ์ของพวกสื่อสิ เป็นทางบวกหรือ ถามว่าชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำได้หรือไม่ ก็เข้ามาวันนี้ก็เพื่อสิ่งเหล่านี้ จะถามทำไม สร้างสรรค์ตรงไหนวะ ปัดโธ่"
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ พูดมาถึงจุดนี้ได้หันไปสั่งให้ ทส.คนสนิทไปหยิบหนังสือพิมพ์ในรถมา โดยกล่าวว่า "เอามากันสักที แล้วช่วยกันตัดสินดูสิว่า ไอ้นี่มันเขียนดีหรือไม่ เดี๋ยวฉันจะบอกว่าไม่ต้องไปซื้อ ตกงานกันให้หมด"
 
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวได้บอกนายกฯ ว่าไม่มีคำถามแล้ว และถ้าช้าไปกว่านี้อาจจะทำให้กำหนดการเยือนบรูไนคลาดเคลื่อน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ถ้าฉันไปถึงช้า ฉันจะบอกสมเด็จพระราชาธิบดีว่าพวกเธอ วันนี้ไม่ได้โกรธแต่อารมณ์ไม่ดี"
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์จบ ทส.คนสนิทได้หยิบหนังสือพิมพ์ มติชน และ astv ผู้จัดการ มาให้พล.อ.ประยุทธ์ ตามคำสั่ง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้หันไปชี้ พร้อมระบุว่า มีหลายฉบับมาก พร้อมหันมาถามกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า "ไหนเครือมติชนอยู่ไหน ไปดู เขียนให้ดี อย่าเขียนให้มันเข้าข้างฝ่ายโน้นให้มากนักนะ ผมจะบอกให้ รัฐบาลที่แล้ว มติชนน่ะ ขายกระทรวงมหาดไทยทั้งหมด คุณไปรื้อดู กระทรวงมหาดไทยสั่งให้ซื้อเฉพาะมติชน ทำให้ฉบับอื่นขายกันไม่ออก"
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์พูดจบก็หันหลังเพื่อเดินไปยังห้องรับรองเพื่อไปเยือนบรูไนอย่างเป็นทางการ