"ยงยุทธ" พ้อ เสียใจ ถูกกล่าวหาเลือกข้าง
รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม พ้อ เสียใจ ถูกกล่าวหาเลือกข้าง แค่พูดความจริง เหตุ เผยผลสอบ สตง. พบใช้เงินผิดประเภท
รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม พ้อ เสียใจ ถูกกล่าวหาเลือกข้าง แค่พูดความจริง เหตุ เผยผลสอบ สตง. พบใช้เงินผิดประเภท
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีได้รับมอบหมายให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับข้อโต้แย้งในกระทรวงสาธารณสุข ระหว่าง นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า นพ.ณรงค์ ซึ่งเป็นปลัดกระทรวงรับนโยบายจากรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ เมื่อสะดุดตรงนี้ก็ต้องสอบสวนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนผลการสอบสวนอยู่ที่คณะกรรมการว่าพบข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหนเราไม่สามารถไปกำหนดได้ ว่าจะให้มีผลสรุปจะออกมาภายในวันใด ส่วนบรรยากาศภายในกระทรวงสาธารณสุขขณะนี้ดีขึ้นมีความเข้าใจกันมากขึ้น
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่ารัฐบาลไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวเพียงเรื่องเดียว มีการดำเนินการในเรื่องอื่นๆพร้อมกันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช่จ่ายงบประมาณของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) รวมถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องที่มีการกล่าวหา 8-10 เรื่อง ซึ่งข้อมูลของ สปสช. ระบุว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง การตรวจสอบกรณีที่มีการระบุว่าโรงพยาบาลมีผลประกอบการขาดทุน นอกจากนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ยังมีการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช่จ่ายเงินในด้านต่างๆด้วย ซึ่งทางกระทรวงยินดีให้มีการตรวจสอบ และในหลายเรื่องทางกระทรวงก็เป็นผู้ตั้งกรรมการสอบเอง
เมื่อถามว่าปกติมีการตรวจสอบงบประมาณของ สปสช. หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็มีการตรวจสอบอยู่เป็นประจำ และพบเรื่องที่ผิดปกติอยู่บ้าง แต่เมื่อตนพูดถึงเรื่องที่ สตง.ตรวจพบการใช้เงินผิดประเภท ก็มีคนออกมาคัดค้านว่าตนเข้าข้างนั้นเข้าข้างนี้ ก็ทำให้เสียใจ ตนแค่พูดความจริง และจากนี้ สตง.ก็ต้องตรวจสอบเรื่องต่างๆต่อไป และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็จะมีผลสะท้อนไปยังผู้ปฏิบัติ ถ้ามีการดำเนินการที่ผิดพลาด หรือไม่ชอบมาพากลผู้ปฏิบัติต้องรับผิดชอบ และปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีงบประมาณมาก จำนวนกว่าแสนล้านบาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เมื่อมีข้อโต้แย้งขึ้นมาก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าระบบบริหารงานถึงอย่างไรก็สามารถปรับปรุงต่อไปได้ แต่หลักการที่ผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการแยกจากกันยังเป็นหลักการที่ถูกอยู่