เมื่อวันที่ 12 ก.พ. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวในรายการมองไกลผ่านสถานีโทรทัศน์พีชทีวี เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ถึงเรื่องที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตรวจค้นรถน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกระแสข่าวที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะขอลี้ภัยทางการเมือง ว่า ในฐานะรัฐบาลได้ติดตามความเคลื่อนไหว กลุ่มก้อนการเมืองต่างๆ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้เพ่งเล็งกลุ่มการเมืองใดเป็นพิเศษ อะไรที่คนเหล่านั้นรับได้ และไม่เกิดความรู้สึกกดดันมากนักและออกมาแสดงความคิดเห็นบ้างรัฐบาลก็ไม่ได้ว่าอะไร
"หากมาแสดงความคิดเห็นที่สุ่มเสี่ยงทำให้เกิดความขัดแย้ง หน่วยความมั่นคงจะต้องเรียกมาปรึกษาหารือ และสร้างความเข้าใจ ทั้งการเรียกมาพูดคุยหรือติดต่อโดยตรงก็แล้วแต่กรณี ตนจึงไม่อยากให้เรียกว่าเป็นการมาปรับทัศนคติ เพราะการปรับทัศนคติไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ภายใน 1-5 วัน มันเป็นไปไม่ได้ แต่ในบางโอกาสที่มีปัจจัยแวดล้อมทางการเมืองหรือความเครียดที่รู้ว่า ตนเองกำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอาจจะทำให้คิดไปเองว่า กำลังถูกกดดันแต่เรายืนยันว่า เราปฎิบัติกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม"พล.ต.สรรเสริญกล่าว
ส่วนการที่นายจตุพร กล่าวว่า หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ต้องขอลี้ภัยการเมือง เพราะหากถูกดำเนินคดี และติดคุกประชาชนคนเสื้อแดงจะออกมาต่อต้านจน คุกแตก ถือเป็นการปลุกระดมเพื่อสร้างความแตกแยกหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า สามารถมองได้หลายแบบ แต่หากเราไม่เอามาเป็นสาระของชีวิตก็ถือว่า เป็นเรื่องที่ใครก็พูดไป เพราะโดยส่วนตัวนายจตุพร เป็นคนพูดเก่งอยู่แล้ว เราในฐานะรัฐบาลก็สามารถรับฟังได้ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วสังคมต้องมองว่า ถ้าคนใดทำความผิดจริง และกระบวนการยุติธรรมนำไปสู่การพิพากษาอย่างไรก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ได้กระทำผิดศาลก็คงไม่พิพากษา
"ไม่ใช่ว่าคนใดคนหนึ่งทำความผิดแล้วประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ เพราะเราอยู่ในกฎกติกามาโดยตลอด เพียงแต่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะยอมรับความจริงได้มากแค่ไหน หากมองย้อนไปที่ตัวท่านเอง และดูสังคมโดยรอบท่านจะเข้าใจว่าไม่มีใครเข้าไปกลั่นแกล้ง แต่ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนยุติธรรมทั้งสิ้น" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว