posttoday

"ศุภชัย"ชี้ลดอำนาจกกต.กระทบคุมเลือกตั้งสุจริต

20 มกราคม 2558

"ประธานกกต."ออกตัว หากลดอำนาจกกต.อาจกระทบการคุมเลือกตั้งให้สุจริต หลังมีการเสนอเปลี่ยนให้ "มท.-ศธ."จัดแทน

"ประธานกกต."ออกตัว หากลดอำนาจกกต.อาจกระทบการคุมเลือกตั้งให้สุจริต หลังมีการเสนอเปลี่ยนให้ "มท.-ศธ."จัดแทน

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. เวลา 09.30 น. ที่สถาบันพระปกเกล้า นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บรรยายพิเศษหัวข้อ"คณะกรรมการการเลือกตั้งกับการทุจริตการเลือกตั้ง"ให้แก่นักศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 18 ของสถาบันพระปกเกล้า ตอนหนึ่งว่า สภาพปัญหาการเลือกตั้งก่อนมีกกต.ส่วนใหญ่เกิดจากสมาชิกรัฐสภาสะท้อนผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองมากกว่าประชาชน  คนมีความรู้ ความสามารถเข้าสู่ระบบการเมืองได้น้อย  ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนกลับใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ในการเลือกตั้งให้แก่กลุ่มธุรกิจการเมืองและผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และความก้าวหน้าในตำแหน่งทางการเมืองของตนเอง และสาเหตุสำคัญคือประชาชนขาดการมีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกตั้งเพราะมีหน้าที่เพียงออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้เองนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นต้นมาจึงได้เกิดองค์กรกกต.ขึ้นมาทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งโดยแยกการทำงานเป็นอิสระออกจากหน่วยงานราชการ

นายศุภชัย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงปฏิรูปประเทศและยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนตัวมองว่าการปฏิรูปจะสัมฤทธิ์ผลได้ดีนั้นต้องทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงให้กระทรวงมหาดไทย(มท.)และกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง และให้กกต.เป็นผู้ควบคุมการจัดการเลือกตั้งนั้น มองว่าเป็นการย้อนกลับไปสมัยก่อนมีรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งอาจทำให้กกต.ต้องทำงานลำบากและยากขึ้น  ด้วยเหตุนี้เองทางกกต.จึงได้จัดทำความเห็นและข้อเสนอแนะของกกต.ต่อการควบคุมและการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.) พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญคณะที่ 8 ของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องการเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องที่จะไปทดลอง

สำหรับข้อเสนอของกกต.นั้นมีเนื้อหาสาระสำคัญคือเปรียบเทียบการทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งและงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งระหว่างองค์กรอิสระกับหน่วยงานราชการ ซึ่งกระบวนการทำงานพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน หากให้หน่วยงานราชการจัดการเลือกตั้งอาจถูกแทรกแซงและตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองที่มีอิทธิพลอยู่ในขณะนั้น ที่ต้องการเอื้อประโยชน์แก่ผู้สมัครและพรรคการเมืองก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งได้ และอาจส่งผลให้กกต.ไม่สามารถตรวจสอบและควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสายการบังคับบัญชา การกำกับดูแล การบริหารจัดการเลือกตั้งเป็นของส่วนราชการประจำ

นายศุภชัย กล่าวว่า ขณะที่ข้อเสนอสภาพปัญหาและแนวทางการจัดการเลือกตั้ง ได้พิจารณาตั้งแต่ช่วงก่อนมีพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.)เลือกตั้งจนถึงหลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทุกกรณีโดยขยายระยะเวลาเป็น 180 วัน จากเดิมกำหนดไว้ที่ 90 วันก่อนครบอายุสภา กำหนดให้โครงการของรัฐที่สุ่มเสียงต่อการได้เปรียบในการเลือกตั้งแม้ได้รับการอนุมัติก่อนมีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งไม่สามารถดำเนินการได้

"หากกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะเปลี่ยนให้กระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงศึกษาจัดการเลือกตั้ง ก็ต้องชี้แจงเหตุผลด้วยว่าสาเหตุที่เปลี่ยนหน่วยงานในการจัดการเลือกตั้งนั้นเพราะเหตุใด กกต.ทำงานบกพร่อง หรือมีข้อผิดพลาดอย่างไร ซึ่งต้องชี้แจงให้ได้ เพราะหากชี้แจงไม่ได้ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน อีกทั้งเห็นว่าการเสนอให้ยุบกกต.จังหวัดเป็นเรื่องไม่เหมาะสม  เพราะกกต.จังหวัดจะเป็นตัวแทนของ กกต.กลาง ในการจัดการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมานั้นระบบดีแล้ว เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎหมายแต่อยู่ที่คนและผลประโยชน์มากกว่า"นายศุภชัยกล่าว