posttoday

สนช. ผ่านกม.ทวงถามหนี้

19 ธันวาคม 2557

เห็นชอบตามกมธ.เสนอดึง รมว.มหาดไทย นั่งเป็นประธานกรรมทวงหนี้ ผุดกรรมการทวงหนี้ประจำจังหวัด ​สั่งห้าม จนท.รัฐทำธุรกิจทวงหนี้

เห็นชอบตามกมธ.เสนอดึง รมว.มหาดไทย นั่งเป็นประธานกรรมทวงหนี้ ผุดกรรมการทวงหนี้ประจำจังหวัด ​สั่งห้าม จนท.รัฐทำธุรกิจทวงหนี้  

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์  150  เสียงเห็นชอบวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ ​ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว และให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดยกฎหมายนี้ออกมาเพื่อสร้างความเป็นธรรมคุ้มครองลูกหนี้จากการทวงหนี้
ทั้งนี้ ในชั้นกรรมาธิการ ได้เพ่ิมเนื้อหาในหลายส่วน โดยเฉพาะคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ ที่เพ่ิม​เติมให้ รมว.มหาดไทย เป็นประธานกรรมการ ปลัดมหาดไทยเป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1  ปลัดกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2 ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงพาณิชย์​ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ผบ.ตร.   เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา

เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทยเป็นประธานโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรมว.มหาดไทยแต่งตั้ง จำนวนไม่เกิน 5 คนเป็นกรรมการ โดยมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการทวงถามหนี้ของผู้ทวงถามหนี้ ​

นอกจากนี้ กมธ. ยัง​เพิ่มความในมาตรา 6 ห้ามผู้ทวงถามหนี้ติดต่อกับบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ลูกหนี้เพื่อการทวงถามหนี้ เว้นแต่บุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการดังกล่าว โดยเพิ่มความในข้อ 2) ห้ามแจ้งถึงความเป็นหนี้ เว้นแต่ในกรณีที่บุคคลอื่นนั้นเป็นสามี ภริยา บุพการี หรือผู้สืบสันดานของลูกหนี้ และบุคคลอื่นดังกล่าวได้สอบถามผู้ทวงถามหนี้ถึงสาเหตุของการติดต่อ ให้ผู้ทวงถามหนี้ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับหนี้ได้เท่าที่จำเป็นและตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้สอบถาม ถึงการเพิ่มมาตรา 11/1 ห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการดังต่อไปนี้ 1)ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ 2)การทวงถามหนี้หรือสนับสนุนการทวงถามหนี้ซึ่งมิใช่ของตน เว้นแต่ในกรณีที่เป็นหนี้ของสามี ภริยา บุพการี หรือผู้สืบสันดานของตน หรือในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น มีอำนาจกระทำได้ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในกระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น และมีฐานะเป็นกรมราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ

นายวรรณชัย บุญบำรุง กมธ.​ ชี้แจงว่า สาเหตุคือเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารและตำรวจเข้ามาทำการทวงหนี้ แม้จะไม่ข่มขู่ แต่ก็ถือว่าไม่เหมาะสม และถือเป็นการคุ้มครองลูกหนี้  จึงต้องตัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องเลย และหากเจ้าหน้าที่รัฐคนใดฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท แต่เจ้าหน้าที่รัฐไม่รวมถึงเจ้าหน้าที่สหกรณ์

ในชั้นกมธ.ยังได้เพิ่มเติมให้มีคณะกรรมการทวงถามหนี้ประจำจังหวัดประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน อัยการจังหวัด ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ในพื้นที่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด คลังจังหวัด ประธานสภาทนายความจังหวัด เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชนในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งเป็นกรรมการและให้ใช้ที่ว่าการอำเภอและสถานีตำรวจเป็นสถานที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทวงถามหนี้  รวมทั้งให้หัวหน้าหน่วยงานส่งเรื่องไปยังที่ทำการปกครองจังหวัดหรือกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วแต่กรณี 

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ สนช. อภิปราย ในส่วนของมาตรา  21/1 ที่กมธ.เพิ่มเนื้อหาแก้ไขให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รับผิดชอบในงานธุรการของคณะอนุกรรมการที่ต้ังมาพิจารณาหรือปฏิบัตการเกี่ยวกับการกำกับดูแลการทวงถามหนี้ผู้ให้สินเชื่อที่เป็นนิติบุคคลนั้น อาจไม่เหมาะกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่เป็นหน่วยงานทำงานด้านวิชาการ และนโยบาย เห็นควรที่จะเปิดช่องให้เพ่ิมเนื้อหาว่าหรือให้หน่วยงานอื่นที่กระทรวงการคลังกำหนดเป็นผู้ดูแลแทน จะเหมาะสมกว่า
อย่างไรก็ตาม ทางกมธ. ได้ชี้แจงประเด็นนี้ว่า เนื่องจากต้นเรื่องกฎหมายนี้มาจาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งกำกับดูแลธุรกิจให้กู้เงินอยู่แล้ว จึงเห็นว่าควรให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบงานด้านการธุรการด้วย ขณะที่งานด้านธุรการรับผิดชอบทวงถามหนี้ ​