ญี่ปุ่นสนใจเข้าร่วมลงทุนระบบรางในไทย

พล.อ.ประยุทธ์ หารือ นายกฯญี่ปุ่นในเวทีประชุมสุดยอดอาเซียน เผยเอกชนญี่ปุ่นสนลงทุนระบบรางในไทย

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ร.อ. ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือทวิภาคีระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับนายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 ที่กรุงเนปยิดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สรุปดังนี้

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้สอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งระบบราง ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยได้แจ้งให้ญี่ปุ่นรับทราบว่า ขณะนี้ ไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาระบบรางทั้ง 3 ระบบ ได้แก่ การสร้างรถไฟรางมาตรฐานเดิม โครงการรถไฟมาตรฐานใหม่ และรถไฟความเร็วสูง ว่าระบบใดมีความจำเป็นและคุ้มค่าในด้านการลงทุนเพื่อพัฒนระบบโลจิกติกส์ของไทยมากที่สุด

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ภาคเอกชนของญี่ปุ่นมีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมในโครงการดังกล่าว ซึ่งทางฝ่ายไทยไม่ขัดข้องและจะแจ้งให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นและภาคเอกชนจากประเทศอื่นที่สนใจทราบ หลังจากมีการพิจารณาโครงการดังกล่าว โดยในชั้นนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศ เห็นตรงกันว่าจะระหว่างนี้ ควรให้หน่วยงานด้านคมนาคมของสองประเทศได้หารือร่วมกันในเบื้องต้นก่อน

นอกจากนี้ มีการหารือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบัน มีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ภายหลังมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอยากให้มีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้รับปากที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้กล่าวเชิญพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบรับและได้เชิญนายกรัฐมนตรีอาเบะ มาเยือนประเทศไทย เช่นกัน

ด้าน สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า นายกฯของญี่ปุ่น ได้เรียกร้องให้ประเทศไทยฟื้นฟูระบบรัฐบาลที่มาจากประชาชน รวมทั้งยังระบุว่า ญี่ปุ่นสนใจที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง ขณะเดียวกันผู้นำญี่ปุ่นยังขอให้ไทยยกเลิกการระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจากญี่ปุ่น หลังจากที่เกิดเหตุวิกฤตโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมะ อีกทั้งยังขอให้ไทยรับรองความเสมอภาคและความโปร่งใส่สำหรับธุรกิจญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทย อีกด้วย