posttoday

พิชิตวอนสนช.อย่ารับคดีถอดถอนยิ่งลักษณ์

29 ตุลาคม 2557

“พิชิต”วอนสนช.อย่ารับคดีถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” จาก ป.ป.ช.ไว้พิจารณาอ้าง เหตุรัฐธรรมนูญสิ้นสุดแล้ว และพยานหลักฐานยังไม่ครบ

“พิชิต”วอนสนช.อย่ารับคดีถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” จาก ป.ป.ช.ไว้พิจารณาอ้าง เหตุรัฐธรรมนูญสิ้นสุดแล้ว และพยานหลักฐานยังไม่ครบ

นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษากฎหมาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตรียมพิจาณาสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานไม่ระงับยับยั้งการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้น หวังว่า สนช.จะพิจารณาโดยเทียบเคียงกรณีการถอดถอนของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. ขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่มี สนช.เห็นว่าไม่สามารถถอดถอนได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้ยกเลิกแล้ว ซึ่งกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.เคยแถลงชัดว่าสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ไม่ได้ตัดฐานความผิดในรัฐธรรมนูญมาตรา 270 แต่ขณะนี้รัฐธรรมนูญสิ้นสุดแล้ว สนช.ก็ไม่ควรรับไว้พิจารณา แต่ ถ้า สนช.รับพิจารณา ตนเห็นว่าขณะนี้สำนวนคดีดังกล่าวก็ยังไม่มีข้อยุติในเชิงพยานหลักฐาน

นายพิชิต กล่าวอธิบายว่า เพราะคดีอาญาที่ ป.ป.ช.ยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น อัยการสูงสุดและ ป.ป.ช.ต้องตั้งคณะกรรมการร่วมกันพิจารณาสำนวนใหม่ และยังไม่มีข้อยุติ แม้ ป.ป.ช.พยายามโต้แย้งคดีถอดถอนเป็นคนละเรื่องคดีอาญา แต่เรื่องนี้ ป.ป.ช.ได้รวมคดีถอดกับคดีอาญามาตั้งแต่ต้น แต่พอถึงเวลานี้กลับมาแยก ทั้งที่พยานหลักฐานและเอกสารเป็นชุดเดียวกัน

“เวลานี้อัยการสูงสุดชี้ข้อไม่สมบูรณ์มา ก็เท่ากับหลักฐานที่ ป.ป.ช.ส่งไปยัง สนช.ก็ไม่สมบูรณ์ หาก สนช.ถอดถอน ก็เท่ากับผลของการถอดถอนไม่สมบูรณ์ตามไปด้วย เรื่องนี้ทาง สนช.น่าอำนวยความยุติธรรมของผู้ถูกถอดถอน เพราะพยานหลักฐานเรื่องของการถอดถอนยังมีการโต้แย้งระหว่างอัยการสูงสุดกับ ป.ป.ช. ผมยืนยันว่าหลักฐานที่ สนช.ใช้ในการถอดถอนกับหลักฐานที่ดำเนินคดีอาญาเป็นหลักฐานชุดเดียวกัน อีกทั้ง ข้อบังคับว่าด้วยการถอดถอน สนช ระบุว่าให้ยึดสำนวน ป.ป.ช.เป็นหลัก เมื่อสำนวน ป.ป.ช. ถูกท้วงติงจากอัยการสูงสุด  สนช.ก็ต้องคำนึงถึงด้วยว่ารายงานและสำนวนถูกท้วงติง ดังนั้น ไม่ควรรีบเร่งหากจะมีการถอดถอนควรรอให้การโต้แย้งหลักฐานทางคดีอาญายุติก่อนดีกว่าหรือไม่” นายพิชิต กล่าว

นายพิชิต กล่าวอีกว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าถึงแม้ สนช.มีความเห็นเรื่องถอดถอนได้ก็ตาม แต่เจตนารมณ์ถอดถอนรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแบบตัวแทน มีสมาชิกตัวแทนจากการเลือกตั้ง ส.ส. หาก สนช.มีวิถีทางที่มาไม่ได้มาตามรัฐสภา มาถอดถอนนายกฯ ที่มาจากรัฐสภา จะไม่ตอบสนองเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงขอให้สมาชิก สนช.ได้อำนวยความยุติธรรม ให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย แม้บางฝ่ายบอกว่าสามารถนำกฎหมาย ป.ป.ช.มาใช้ถอดถอนได้ก็ตาม แต่ที่มาของกฎหมาย ป.ป.ช.ซึ่งเป็นกฎหมายลูก เมื่อกฎหมายแม่คือรัฐธรรมนูญสิ้นสุดไปแล้วก็ไม่สามารถนำกฎหมายลูกมาใช้ถอดถอนได้ นอกจากนี้ ยังทราบมาว่าสิ่งที่ ป.ป.ช.ระบุในสำนวนถอดถอนที่ส่งมายัง สนช.เพิ่มเติมนั้นนั้น ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำผิด พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11 แต่มาตราดังกล่าวไม่มีบทบังคับโทษ เนื่องจากเป็นบทบัญญัติเรื่องอำนาจหน้าที่เท่านั้น จึงไม่ควรอ้างกฎหมายดังกล่าวนำมาสู่การถอดถอน