"ประยุทธ์"เผยประชุมสุดยอดผู้นำโลกเข้าใจ-มั่นใจไทยมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี แจง เผยหลายประเทศสนใจลงทุนโครงการรถไฟ เผยผู้นำอังกฤษเข้าใจคดีเกาะเต่า

เวลา 08.00 น. วันที่ 18 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงผลการประชุมสุดยอดผู้นำเอเซีย-ยุโรปและการหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่าง ๆผ่านทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง5และสถานีโทรทัศน์ช่อง11 ว่า มีประเทศผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 53 ประเทศ โดยการประชุมแบ่งเป็นหลายช่วง เริ่มจากการประชุมผู้นำอาเซียนสหภาพยุโรปอย่างไม่เป็นทางการในประเด็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม การเชื่อมโยงระหว่าง 2 ภูมิภาค

สำหรับการประชุมผู้นำเอเซีย-ยุโรป ครั้งที่ 10 เต็มคณะ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอยุทธศาสตร์การดำเนินการ 3 ด้านหลัก ได้แก่ การเพิ่มบทบาทความเป็นหุ้นส่วนระหว่างเอเซีย-ยุโรป การบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค และการขยายความตกลงการค้าเสรีเอเซีย-ยุโรป ซึ่งต้องอาศัยความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการขาดแคลนอาหาร และพลังงานในอนาคต อันเนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่มีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งต้องร่วมกันเตรียมการรองรับ

สำหรับการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรี กับผู้นำประเทศอาเซียนนั้น ผู้นำทุกประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของอาเซียน เนื่องจากประเทศไทยมีเสถียรภาพ และมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย เรื่องการลงทุนในโครงการรถไฟว่าหลายประเทศให้ความสนใจประเทศไทยเนื้อหอม มา 3-4วันถูกถามเรื่องรถไฟทุกวันก็น่ายินดีที่มีประเทศในอาเซียนพร้อมสนับสนุนบางประเทศเขาก็บอกว่าเขาพร้อมที่จะช่วยเรื่องงบประมาณก็ต้องไปคุยกัน  วันนี้ คิดว่า โลกเข้าใจมากขึ้น มั่นใจมากขึ้น ทุกประเทศต้องการเข้ามาลงทุนมากขึ้น ประเทศญี่ปุ่น และจีน ให้ความสนใจพร้อมสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งยืนยันว่า การเจรจาต้องโปร่งใส และเปิดเผย  ทุกประเทศอยากจะลงทุนแต่เราต้องวางการบริหารจัดการให้ดีว่าเราจะเน้นทางไหนตนคิดว่าเราจะเน้นเรื่องเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูป

นอกจากนี้นายกฯกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้ง โดยความขัดแย้งของโลกเกิดจากความเหลื่อมล้ำในความเป็นอยู่ทำให้เกิดความขัดแย้งกันนำไปสู่การต่อสู้กันในการทำสงครามแม้วันนี้จะเป็นสงครามที่จำกัดเกิดในบางพื้นที่แต่ท้ายสุดก็ต้องเจรจาไม่ให้บานปลายที่น่าห่วงคือพวกที่มีความคิดสุดโต่งแต่เราก็ไม่อยากพูดมากนักเพราะเราไม่ใช่คู่ขัดแย้งเราก็ต้องปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติหรือกลุ่มประเทศส่วนใหญ่ รวมทั้งมีการพูดถึงความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ก็คิดว่าน่าจะมีทางออกได้เราก็สนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีแต่เราก็จะไปไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของเขาเพราะเราไปเข้าข้างใดข้างหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหา ส่วนบ้านเราที่มีความขัดแย้งก็เกิดจากความยากจนความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมรายได้ไม่พียงพอ แต่ก็เรียนว่ามันคงไม่ใช่ทั้งหมดรัฐบาลก็จะแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำให้ได้เพราะคนรายได้น้อยมีจำนวนมาก 60-70%เราก็จะเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วนก่อน  สำหรับคนที่มีความคิดที่แตกต่างมีคดี ขอให้กลับประเทศมาสู้คดี ยืนยันให้ความเป็นธรรม

นายกฯกล่าวด้วยว่า เราจะเอาความขัดแย้งมาเป็นอุปสรรคการเดินหน้าของประเทศไม่ได้ไม่งั้นเราจะสู้ใครเขาไม่ได้แน่นอนปีหน้าประชาคมอาเซียนเกิดแล้วแรงงานอาจไหลไปทำงานนอกประเทศมากขึ้นในประเทศเองก็ขาดแคลนอยู่แล้วประเทศไทยเขาบอกแรงงานฝีมือดีทุกอย่างเสียอย่างเดียวพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องในเรื่องของภาษาเราก็ต้องเร่งรัดในเรื่องของภาษา ตนก็ได้ขอให้ประเทศที่มาตั้งในไทยเตรียมตำแหน่งให้แรงงานไทยแต่เราก็ต้องดูว่าแรงงานของเราพร้อมหรือยังก็ขอให้สถาบันการศึกษาไปดูให้สอดคล้องกับความต้องการแรงงานที่จะเกิดประชาคมอาเซียนในปี2558ก็อยากให้ทุกคนภูมิใจในความเป็นคนไทยไปไหนก็ตามไม่ได้รับการดูถูกหรือรังเกียจหลายประเทศยังชื่นชมประเทศไทยเขาจำได้ประเด็นสำคัญตนก็ต้องยืนยันในเรื่องความปลอดภัยไม่มีการประท้วงไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเขาก็เข้าใจ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  เมื่อวานตนได้นั่งข้างผู้นำสวิสฯกับอังกฤษก็พูดคุยกันเป็นอย่างดี อังกฤษเองได้ฝากความห่วงใยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งตนได้ชี้แจงว่าได้สั่งการเจ้าหน้าที่ดูแลคดีดังกล่าวอย่างเต็มที่ มีรองนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ติดตามดูแลและรับผิดชอบคดีเป็นพิเศษ

"ผู้นำอังกฤษเข้าใจมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการตั้งคำถาม 20 ข้อเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งเราสามารถตอบได้ทุกข้อ ทำให้อังกฤษเข้าใจส่วนเรื่องของความรู้สึกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคิดที่ต้องใช้เวลาให้สถานการณ์คลี่คลายลง แต่สิ่งสำคัญต้องดูแลและเพิ่มมาตรการเรื่องความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก"