posttoday

ป.ป.ช.ฟันอดีตเลขาฯรมว.พาณิชย์รับเช็คจีทูจีเทียม

05 กันยายน 2557

ป.ป.ช.แจ้งข้อหาอดีตเลขาฯรมว.พาณิชย์ เป็นตัวการรับเช็คจีทูจีเทียม ตั้งคณะทำงานร่วมสรุปคดียิ่งลักษณ์

ป.ป.ช.แจ้งข้อหาอดีตเลขาฯรมว.พาณิชย์ เป็นตัวการรับเช็คจีทูจีเทียม ตั้งคณะทำงานร่วมสรุปคดียิ่งลักษณ์

เมื่อวันที่5ก.ย.57 นายประสาท พงษ์สิวาภัย กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุมป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขานุการรมว.พาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์) และ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ (นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์) พร้อมกับมีมติกันบุคคลที่ถูกกล่าวหาจำนวนหนึ่งไว้เป็นพยาน เนื่องจากให้ความร่วมมือให้รายละเอียดเกี่ยวกับกับข้อมูลและหลักฐานเชื่อมโยงเอาผิดแก่ตัวการสำคัญในคดีนี้

นายวิชา มหาคุณ โฆษกคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงรายละเอียดในกรณีนี้ว่า ป.ป.ช.ได้ข้อมูลว่าในการขายข้าวที่มีการลงนามให้กับบริษัทรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในกวางตุ้งและไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ปรากฏว่าไม่มีการซื้อขายข้าวเพื่อทำการส่งออกอย่างแท้จริง เพราะเมื่อได้มีการลงนามขายข้าวให้กับรัฐวิสาหกิจแห่งนี้แล้วพบว่าได้มีการนัดหมายผู้ประกอบการค้าข้าวไปพบที่สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เพื่อพูดคุยที่จะขอซื้อข้าวจากรัฐบาลกับกลุ่มพ่อค้าข้าว โดยผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเลขานุการรัฐมนตรีรายนี้ได้แจ้งแก่ผู้ประกอบการค้าข้าวจะสนับสนุนการขายข้าว โดยให้ผู้ประกอบการจ่ายแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศและให้นำแคชเชียร์ไปมอบให้กับเลขานุการรัฐมนตรี หรือ นายโจ หรือ นายนิมนต์ รักดี หรือ พ.ต.ต.ศราวุฒิ สกุลมีฤทธิ์ หรือที่เรียกว่าสารวัตรเหยิน อดีตผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงกับบริษัทสยามอินดิก้า

นายวิชา กล่าวว่า เมื่อกรมการค้าต่างประเทศได้รับค่าชำระค่าซื้อข้าวในนามของกวางตุ้งและไห่หนานแล้วทางองค์การคลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)ก็เอาหลักฐานนี้ไปให้กับนายสมคิด เอื้อนสุภา นายรัฐนิธ โสจิระกุล และนายลิตร พอใจ ผู้รับมอบอำนาจในการขนข้าว เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขนข้าวจากคลังสินค้ากลาง ดังนั้น ข้าวที่รัฐบาลไทยได้ขายให้กับกวางตุ้งที่มีระยะเวลามอบสิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ.2556 และขายข้าวให้กับไห่หนานที่มีระยะเวลาสิ้นสุดวันที่ 21 ก.ย.2555 จึงไม่ปรากฏว่ามีการขนออกไปนอกราชอาณาจักรแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจึงเป็นการสวมรอยเพื่อที่จะทำว่าการเป็นขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยแท้จริง ซึ่งป.ป.ช.เตรียมสรุปคดีในเร็วๆนี้ประมาณเดือนก.ย.หรือต.ค.

“ดังนั้น คดีจำนำข้าวท่านอัยการจะไม่ได้แต่เพียงคุณยิ่งลักษณ์เท่านั้น แต่จะมีติดตามมาเป็นขบวนใหญ่ในภายภาคหน้า เพราะเรื่องนี้เป็นมหากาพย์ เราพอใจในพยานหลักฐานอันนี้เป็นอย่างมาก เราสอบแล้วเราได้ความมั่นใจว่าจะแจ้งแก่ประชาชนชาวไทยได้ว่าไม่มีหลักฐานเลื่อนลอย เราจับคดีทุจริตโดยไม่มีการกลั่นแกล้งใครเด็ดขาด” นายวิชา กล่าว

นายวิชา กล่าวว่า ส่วนตัวมีความเห็นใจกับอัยการสูงสุดเพราะสถานะของท่านง่อนแง่นเป็นอย่างมาก เราเห็นได้เลยจากอัยการสูงสุดคนที่แล้วถูกปลดกลางอากาศจากโทรทัศน์ เราในฐานะกระบวนการยุติธรรมได้แต่แสดงมุทิตาจิต อย่างไรก็ตาม กรณีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นยังไม่สั่งฟ้องในคดีทุจริตจำนำข้าวในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทางป.ป.ช.ก็พร้อมตั้งคณะทำงานร่วมกันกับอัยการสูงสุด แต่สำหรับเรื่องการรวบรวมงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอารไอ) ที่อัยการสูงสุดระบุว่าไม่ได้รับครบถ้วนนั้นขอชี้แจงว่างานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการยกตัวอย่างว่ามีช่องทางการทุจริตในโครงการอย่างไรบ้าง ไม่ได้หยิบยกรายงานวิจัยดังกล่าวมาเป็นเอกสารหลักฐานในการชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากป.ป.ช.จะพิจารณาจากการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้จากการไต่สวนข้อเท็จจริง

“ตอนนี้พูดตรงๆว่าเราสวดมนต์ทุกวันให้ท่านอัยการสูงสุดอยู่รอดปลอดภัย เอาเป็นว่าถ้าเราสามารถดำเนินการตกลงกันได้ เราอยากให้ท่านเป็นผู้ฟ้อง แต่ถ้าท่านไม่ไหวจริงๆเราก็ต้องดำเนินการเอง เพราะว่ากฎหมายได้เขียนเอาไว้ชัดเจน แต่เท่าที่ดูที่ท่านแถลงก็คล้ายๆกับว่าท่านถอดใจไปแล้ว แต่ผมก็คิดว่าท่านเป็นรุ่นน้องที่ผมเชื่อถือคงจะไม่ยอมถอดใจง่ายๆ” นายวิชา กล่าว

เมื่อถามว่าหลักฐานที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวถือเป็นหลักฐานใหม่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า คือหลักฐานเดิมแต่ป.ป.ช.มีหลักฐานที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเช็คที่เป็นการจ่ายเงินจำนวนพันล้านบาท