posttoday

ตร.เร่งติดตามตัว"จารุพงศ์-จักรภพ"

26 มิถุนายน 2557

ตำรวจเร่งติดตามตัว "จารุพงศ์-จักรภพ" ประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมเตรียมตั้งข้อหาดำเนินคดี

ตำรวจเร่งติดตามตัว "จารุพงศ์-จักรภพ" ประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมเตรียมตั้งข้อหาดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. เวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.ศ. ช่วยราชการบช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกันประชุมหารือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกรณี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายจักรภพ เพ็ญแข ได้แถลงการณ์เรื่องการก่อตั้งขบวนการเสรีไทย

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวภายหลังประชุมว่า ข้อสรุปทั้งฝ่ายทหารและตำรวจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายได้สรุปความเห็นร่วมกันในเบื้องต้นว่า จะเฝ้าดูพฤติกรรมหรือการกระทำทั้ง 2 คนไปอีกระยะหนึ่ง โดยข้อสรุปนั้นก็เห็นพ้องต้องกันแต่เพื่อความรอบคอบทางฝ่ายตำรวจก็จะประชุมหารือกันอีกครั้ง ส่วนตัวแทนฝ่ายทหารก็จะไปดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องกับทหาร กระทั่งมีความรอบคอบชัดเจนเราจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า พฤติการณ์ลักษณะใดถึงจะมีการดำเนินการ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในเบื้องต้นที่มีแถลงการณ์ออกมาก็ได้บทสรุปแล้ว แต่เพื่อการรอบคอบเพราะว่าข้อกฎหมายอาจมีความเห็นต่างกันได้ อาจจะต้องปรึกษาหน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านกฎหมายเพื่อเพิ่มความมั่นใจ

การที่กระทำอะไรลงไปนอกจากประชาชนคนไทยเฝ้าดูอยู่นั้นคนต่างชาติก็เฝ้าดูอยู่เช่นกันว่า เจ้าหน้าที่รัฐจะดำเนินการอะไรออกไป ฉะนั้นต้องรอบคอบ ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง และอาฆาตมาดร้าย สิ่งที่ทหารและตำรวจจะทำต้องมีความมั่นใจ เมื่อกระทำแล้วไม่มีผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกฎหมายมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจก่อให้เกิดประเด็นที่ไม่เข้าใจและสับสนกันต่อไปได้ วันนี้มีข้อยุติแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพื่อความรอบคอบ โดยให้ฝ่ายทหารและตำรวจหารือตัดใจสินก่อนนำมาสรุปร่วมในที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ส่วนจะเข้าข่ายข้อกฎหมายหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่พูด แต่กรณีดังกล่าวแน่นอนอยู่แล้วว่าขัดคำสั่งของคสช. และอาจจะมีข้อหาอื่นด้วย เพื่อไม่ให้เกิดประเด็นโต้แย้งทางกฎหมาย เนื่องจากเป็นสิ่งที่มีความละเอียดอ่อน

"ถ้าเราประกาศไปอาจมีมุมมองและความคิดเห็นที่ต่างกันทางกฎหมาย ทำให้เราบกพร่องหรือพลาดได้ อีกทั้งทั้ง 2 คน ก็มีข้อหาเป็นทุนอยู่แล้ว การเอาข้อหานี้ไปเพิ่มอีกมันก็ไม่ได้แตกต่าง ถ้าดำเนินคดีข้อหาขัดขืนประกาศของคสช.ก็จะดูเหมือนเดิมเพราะเป็นสิ่งที่ผิดอยู่แล้ว ส่วนดำเนินคดีข้อหาใดต้องใช้ความรอบคอบและระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด "พล.ต.อ.สมยศกล่าว

ด้านการติดตามจับกุมผู้ที่ออกหมายจับ ทั้ง 2 คนก็มีข้อหาอยู่แล้ว เราดำเนินการตามขั้นตอนจัดชุดติดตามเร่งรัด ตนออกคำสั่งไปทุกกองบัญชาการเร่งสืบสวนติดตามจับกุม รวมทั้งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีดำเนินการตามขั้นตอนด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่ระหว่างการดำเนินการ

ถามว่าจะมีการปิดโซเชียลมีเดียที่มีการใช้สื่อสารกับมวลชนหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของกระทรวงเทคโนโลยีสานสนเทศและการสื่อสาร พิจารณาเห็นว่าเว็บไซต์ใดไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมายก็คงจะมีการดำเนินการ

ถามว่า มีการจับตามองของทางต่างประเทศนั้นมีการท้วงติงหรือไม่ถึงเพิ่มความรอบคอบ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ไม่ได้มีการท้วงติงแต่การจะทำอะไรเราต้องระมัดระวัง เพราะเราถูกจับตามองทั้งประชาชนและชาวต่างชาติ เราไม่อยากถูกกล่าวหาว่า กลั่นแกล้ง หรือกระทำทุกวิถีทางให้เขามีความผิดต้องทำด้วยความรอบคอบ ต้องเป็นที่ยอมรับทั้งคนในชาติและต่างประเทศด้วย