อธิการฯม.เที่ยงคืนต้านใช้มาตรา7เสนอนายกฯ

อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนค้านใช้มาตรา7เสนอนายกฯ ชี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช้หลักจารีตตามที่กปปส.อ้าง

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวว่า คนที่มีสติน่าจะเริ่มคิดได้ว่าข้อเสนอของกปปส.เป็นข้อเสนอที่ไม่ได้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย และสิ่งที่เรียกว่า “ปฏิวัติ” ไม่ว่าจะด้วยทหารหรือด้วยประชาชน เกิดขึ้นได้แค่กระบวนการ แต่การรักษาอำนาจหลังจากนั้น ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี สังเกตจากการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 เป็นต้นมา ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าการเคลื่อนไหวของกปปส.ไม่ได้ต้องการปฏิวัติประชาชน แต่ต้องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง และกระจายผู้ชุมนุมเพื่อปิดปากคนอื่น ทำให้คนอื่นไม่มีสิทธิ์มีเสียงมากกว่า

"หากเรายอมรับว่าการนำคน2หมื่นคนไปปิดช่องทีวี ปิดทำเนียบรัฐบาล ปิดรัฐสภา คือการปฏิวัติประชาชน มีการอ้างมาตรา 3 จนนำไปสู่การเสนอนายกฯมาตรา 7 ก็ต้องถามกลับว่า หากวันนี้คนเสื้อแดงชุมนุมแบบเดียวกัน เอาคน 2 หมื่นคนไปปิดช่องทีวีแบบเดียวกัน ถือเป็นการปฏิวัติประชาชนหรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าคุณสุเทพชนะ มันเกิดรูปแบบเดียวกันขึ้นแน่นอน และกำลังพาสังคมไทยไปสู่ความยุ่งยากมากขึ้น"อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนระบุ

นายสมชาย ยืนยันว่า การบีบให้ประธานศาล กองทัพ กปปส. และรัฐบาลมาเจรจาเพื่อให้เกิดการใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญตามมาตรา 7 เพื่อให้เกิดนายกฯ คนกลางนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย และไม่ใช่หลักจารีตประเพณีอย่างที่กปปส.อ้าง ตรงกันข้าม จะยิ่งผลักภาระไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองมากขึ้น ทั้งที่ในหลายประเทศ พยายามทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ออกห่างจากการเมือง

"เราไม่มีหลักจารีตประเพณี หลังเหตุการณ์ 14 ต.ค. เราต้องไม่ลืมว่าวันนั้นยังมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งสามารถทำหน้าที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ใช่ใช้มาตรา 7 เสนอนายกฯ คนกลางขึ้นมา วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อช่องของการเลือกตั้งยังมีอยู่ ก็ควรเปิดโอกาสให้คณะรัฐมนตรีรักษาการได้รับฟังความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ด้วยการเลือกตั้ง มากกว่าฟังความคิดเห็นของกปปส.ที่บุกยึดสถานีโทรทัศน์และรัฐสภาอยู่"นายสมชายระบุ

ทั้งนี้ นายสมชาย บอกว่า ทางออกขณะนี้ รัฐบาลไม่สามารถเลือกเดินออกจากกรอบประชาธิปไตยด้วยการเจรจา หรืออ่อนข้อกับกปปส.ได้ เนื่องจากการได้มาซึ่งนายกฯคนกลาง จะสร้างปัญหาต่อไป เพราะฉะนั้นควรยึดกรอบกฎหมาย ด้วยการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งเท่านั้น