posttoday

"สุเทพ"ปลุกเดินขบวนครั้งใหญ่ทั่วประเทศ9ธ.ค.

06 ธันวาคม 2556

สุเทพประกาศเป่านกหวีดครั้งสุดท้าย 9 ธ.ค.เวลา 9.39 น. แพ้-ชนะจะยอมรับ เดินนำหน้าไปทำเนียบรอรับคนกรุง ต่างจังหวัดให้ปิดล้อมศาลากลาง

สุเทพประกาศเป่านกหวีดครั้งสุดท้าย 9 ธ.ค.เวลา 9.39 น. แพ้-ชนะจะยอมรับ เดินนำหน้าไปทำเนียบรอรับคนกรุง ต่างจังหวัดให้ปิดล้อมศาลากลาง

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้กล่าวบนเวทีการชุมนุมที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะว่า  คณะกรรมการแกนนำตัดสินใจแล้วว่า ไม่อยากเห็นพี่น้องที่มาร่วมชุมนุมบาดเจ็บเพราะมีหลายคนถูกแก๊สน้ำตาและถูกยิงระหว่างการเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่ราชการ การต่อสู้ของเราที่ทำด้วยวิธีสันติไม่รุนแรงไม่มีอาวุธมีความสำคัญอยู่ข้อเดียวคือ จำนวนคนที่ร่วมต่อสู้ต้องมากมายมหาศาลจึงจะสามารถชนะได้ ถ้ายังมีจำนวนเพียงแค่นี้สู้ต่อไปก็ต้องมีคนเจ็บและมีคนตาย การต่อสู้เรื่องนี้ต้องกำหนดวันจบได้แล้ว และขอกำหนดว่า วันจันทร์ที่ 9 ธ.ค.เรื่องนี้ต้องจบ ไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้ยืดเยื้อไปจนถึงปี2558

"จะเป็นจะตายขอให้รู้กันในวันที่ 9 ธ.ค. แกนนำทุกคนทุกเครือข่ายมีมติเอกฉันท์ว่า วันที่ 9 ธ.ค.ต้องทำให้การต่อสู้จบลงให้ได้ การจะชนะได้คนที่ออกมาต้องมากมายมหาศาลจึงจะชนะได้ ฉะนั้นทุกคนในประเทศไทยต้องตัดสินใจเลือกข้างแล้ว ต้องออกมา เราจะชนะโดยไม่มีคนเจ็บไม่มีคนตายและจะชนะตลอดไป ข้าราชการขอให้หยุดทำงานและมาร่วมกับประชาชน" นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า วันที่ 9 ธ.ค. เวลา 9.39 น. ลุกฮือทั้งประเทศทวงอำนาจประชาธิปไตยคืน คนที่อยู่ต่างจังหวัดลุกขึ้นเดินขบวนมุ่งหน้าไปที่ศาลากลางทุกแห่ง ไม่ต้องบุกเข้าไป แต่ปิดทางเข้าไม่ให้เข้าไปทำงานได้ นิสิตนักศึกษานักเรียนลุกขึ้นพร้อมกันปฏิเสธไม่เอาระบอบทักษิณ เอาอำนาจประชาชนคืนมา

สำหรับชาวกทม.วันที่ 9 ธ.ค.ขอให้ออกมาบนถนนทุกคน จะเป็นการเดินขบวนครั้งใหญ่ให้โลกจารึก เดินไปบนถนนทุกสายมุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อประกาศเอาอำนาจคืน ใครไปถึงก่อนให้ตั้งเวทีปราศรัยรอคนที่ตามมา ครั้งนี้จะเป็นการรวมพลังกันครั้งสุดท้าย

"ถ้าพี่น้องออกมาหลายล้านเราจะประกาศว่าอำนาจกลับสู่ประชาชนแล้ว และดำเนินการต่อไปตามหลักการ ซึ่งเรื่องนี้มีกฎหมายรัฐธรรมนูญรองรับแน่นอน"นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 9 ธ.ค. จะเดินนำหน้าประชาชนไปยังทำเนียบรัฐบาลด้วยตัวเอง และจะไม่กลับไปยังศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ อีกแล้ว ครั้งนี้เป็นการเดิมพันครั้งสุดท้าย

"ผมขอประกาศว่านี่คือการเป่านกหวีดครั้งสุดท้าย ถ้าพี่น้องประชาชนทั้งหลาย ข้าราชการทั้งหลาย ถ้าไม่เลือกข้าง พวกผมยอม ประชาชนไม่ออกมา ผมจะเดินหน้าไปมอบตัวยอมเข้าคุก ไม่สู้อีกแล้ว วัดกันไปเลย จะได้ไม่ต้องยืดยาว ไม่ต้องยืดเยื้อ จะได้ไม่ทรมาน ถ้าชาตินี้ต้องเอาชนะให้ได้ ต้อง 9 ธ.ค. ถ้าไม่ได้ยอมเป็นขี้ข้าไปเลย" นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวว่า มีการตั้งคำถามว่าถ้าสิ่งที่ต่อสู้สำเร็จจะทำอย่างไรกับประเทศไทย ฝ่ายรัฐบาลหยามหยันว่าสิ่งที่จะทำไม่มีกฎหมายรองรับ และเป็นการเพ้อเจ้อไปเอง จึงอยากจะชี้แจงว่า ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับมีบทบัญญัติเรื่องอำนาจอธิปไตยที่เป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองไว้ชัดเจนว่าเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็บัญญัติไว้ในมาตรา3 แต่ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ คนไทยจึงได้ถวายอำนาจอธิปไตยนั้นให้พระองค์ท่านทรงใช้ ใช้ผ่านรัฐบาลในส่วนการบริหาร ใช้ผ่านสภาในส่วนนิติบัญญัติ และ ใช้ผ่านศาลในส่วนของตุลาการ

ประเด็นที่เกิดขึ้นในวันนี้คือ สภาและรัฐบาลที่ได้ไปใช้อำนาจในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ตามที่ประชาชนมอบอำนาจไปนั้น ปรากฎว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ สภาของสมศักดิ์ ไม่ได้ใช้อำนาจของประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้คำนึงถึงหลักนิติธรรม ไม่ได้ใช้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ

นายสุเทพ กล่าวว่า คนพวกนี้เหลิงอำนาจ อาศัยพวกมาก ตรากฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่คำนึงถึงหลักกฎหมายที่มีการปฏิบัติเป็นสากลในโลก เอาอำนาจที่ประชาชนมอบให้ไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง มีการโกงคะแนนในสภา ปิดปากเสียงข้างน้อย เขียนกฎหมายล้างผิดให้คนที่ศาลพิพากษาแล้วว่ามีความผิด ซึ่งไม่มีกฎหมายในประเทศไหนออกกฎหมายลบล้างคำพิพากษาของศาล

ที่สำคัญรัฐบาลและรัฐสภาได้ปฏิเสธไม่ยอมรับอำนาจศาลจึงถือว่าเป็นกบฏ และไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว โดยวันนี้ถือว่าไม่มีรัฐบาลและรัฐสภาแล้ว นอกจากนี้รัฐบาลยังบริหารงานด้วยการฟังคำบงการจากต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้มีเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นถือว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมตนอยู่ภายใต้อำนาจคนภายนอกประเทศ ยอมให้คนภายนอกกำหนดนโยบาย และยังยอมให้มีการสั่งราชการด้วย ซึ่งผิดทุกอย่างที่ปฏิบัติกันมา ไม่มีใครทำกันในโลกนี้ เป็นความผิดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและรัฐสภาชุดนี้จึงหมดสภาพ

"ถ้าพูดตามภาษากฎหมายวันนี้ประเทศไทยเป็นสุญญากาศ ไม่มีรัฐบาลและรัฐสภาแล้ว เพราะเป็นกบฏต่อรัฐธรรมนูญ ประชาชนจึงลุกขึ้นพิทักษ์รัฐธรรมนูญ" นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า เมื่อรัฐบาลและรัฐสภาตายไปจากความชอบธรรมตามกฎหมายแล้ว รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติไว้ในมาตรา7 ว่า ต้องดำเนินการไปตามการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเพณีปฏิบัติคือ เมื่ออำนาจเป็นของประชาชน ประชาชนจึงมีอำนาจในการแต่งตั้งฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ

"เมื่อสภาเป็นโมฆะก็ไม่มีส.ส. ก็สามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากคนภายนอกได้ ซึ่งสอดคล้องกับประเพณีปฏิบัติ สำคัญอยู่ที่เมื่อประชาชนลุกขึ้นมาทวงอำนาจคืน แต่รัฐบาลไม่คืน เราจึงต้องมาชุมนุม เราไม่ได้มาชุมนุมเพื่อต้องการให้ทหารออกมาปฏิวัติตามที่มีการกล่าวหา ผมรู้จักทหารดี เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เขาต้องการให้ประชาชนดูแลแก้ไขกันเองเพราะวันนี้เป็นเรื่องของประชาชนกับรัฐบาลระบอบทักษิณ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทหารทั้งสามเหล่าทัพทั้งสิ้น"นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การปฏิวัติของประชาชน ไม่ใช่การแย่งชิงอำนาจของใครแต่เป็นการทวงคืนอำนาจ เพราะอำนาจนี้เป็นของประชาชนโดยชอบธรรมตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ