posttoday

"หมอวรงค์"ถล่มจำนำข้าวแฉข้าวถุงอคส.ไม่ถึงมือคนจน

27 พฤศจิกายน 2556

หมอวรงค์ อภิปรายฯถล่มจำนำข้าว แฉระบายข้าว อคส. 120 ล้านถุง ไม่ถึงมือคนจน ​ วนอยู่ที่เดิม งัดหลักฐานมัด​ร่วมมือกันอคส. โรงสี บ.ระบายข้าว ​แฉ บ.สิงโตทองโยงใยคนใกล้ชิดนายกฯ

หมอวรงค์ อภิปรายฯถล่มจำนำข้าว  แฉระบายข้าว อคส.  120 ล้านถุง ไม่ถึงมือคนจน ​ วนอยู่ที่เดิม งัดหลักฐานมัด​ร่วมมือกันอคส. โรงสี บ.ระบายข้าว   ​แฉ บ.สิงโตทองโยงใยคนใกล้ชิดนายกฯ   

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เร่ิมต้นด้วย การอภิปราย โดยน.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เก่ียวกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้ชื่อ "จุดจบจำนำข้าวสู่อวสานรัฐบาลยิ่งลักษณ์" พุ่งเป้าที่การะบายข้าวถุงทั้งโครงการข้าวถุงร้านถูกใจ ธงฟ้า และ องค์การคลังสินค้า​(อคส.)

นพ.วรงค์ กล่าวว่า​ ที่ผ่านมา คณะกรรมการข้าวแห่งชาติ(กขช.) ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติจัดทำข้าวถุง 4 ครั้ง 1.เดือนต.ค.54 จำนวน 1 แสนตัน 20 ล้านถุง 2. เดือนมี.ค.54 จำนวน 1 แสนตัน 3.เดือนพ.ค.55 จำนวน 5 แสนตัน 4.เดือนธ.ค.55 จำนวน 1.8 ล้านตันแยกเป็นเดือนละ 3 แสนตัน 6 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม  นายกฯต้องชี้แจงว่า เหตุใดมีการจัดทำข้าวถุงพร่ำเพรื่อ ทั้งที่การจัดทำข้าวถุงตั้งแต่ครั้งที่ 1 ยังไม่เสร็จ แต่ยังเดินหน้ามีมติระบายข้าวเพิ่มเติม  นอกจากนี้การทำสัญญาแต่ละครั้งยังเป็นสัญญาปลายเปิด ไม่มีการระบุว่าจะต้องทำให้เสร็จภายในเมื่อใด รวมการลงนามในสัญญาระบายข้าวครั้งที่ 4 ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐมาลงนาม

นพ.วรงค์ กล่าวว่า จากการได้พูดคุยกับ  พ.ต.ต.ศราวุฒิ สกุลมีฤทธิ์ อดีตผอ.อคส. พบว่า มีปัญหามากจึงไม่กล้าลงนาม หากเกิดอะไรขึ้นจะต้องรับผิดชอบคนเดียว ฝ่ายการเมืองเอาตัวรอด จึงไม่กล้าลงนาม จากนั้นไม่กี่วันพ.ต.ท.ศราวุฒิก็ถูกพักงาน และอีกไม่นานก็เสียชีวิต

นพ.วรงค์กล่าวว่า จากตรวจสอบพบว่า การระบายข้าวด้วยวิธีการทำข้าวถุงมีข้าวธงฟ้า 0.3 % ข้าวถูกใจ 8 %และข้าวอคส. 90 %  ซึ่งการระบายข้าวส่วนใหญ่อยู่ที่ข้าวอคส. ที่มีเจตนาทุจริตชัดเจน เพราะแม้จะมีข้าวอคส.ถึง 90 %  แต่ไม่เคยพบว่า มีข้าวอคส.ในตลาดเลย เนื่องจากไม่มีการทำข้าวถุงอคส.จริง

อย่างไรก็ตาม พบว่ากระบวนการเป็นการร่วมมือกันระหว่าง 3 ฝ่ายคือ 1.อคส. 2. โรงสีที่รับปรับปรุงข้าว 3 แห่งได้แก่ บริษัท เจียเม้ง จ.นครราชสีมา บริษัท โชควรลักษณ์ จ.ลพบุรี และบริษัท สิงโตทองไรซ์ จ.กำแพงเพชร 3.บริษัทตัวแทนจำหน่ายข้าวถุง 3 แห่งได้แก่ บริษัท สยามรักษ์ บริษัท คอนไซน์เทรดดิ้ง และบริษัท ร่มทอง โดยพบว่า ปริมาณข้าวถุงอคส. 120,176,000 ถุง ที่อคส.ส่งให้บริษัทตัวแทนจำหน่ายข้าวถุง 3 แห่ง ราคาถุงละ 65.70 บาท เพื่อไปขายให้ประชาชนถุงละ 70 บาท
นพ.วรงค์​กล่าวว่า  จากการตรวจสอบพบว่าทั้งสามบริษัทไม่ได้นำข้าวไปขายให้ประชาชนตามเจตนารมณ์ของโครงการ แต่กลับไปจำหน่ายคืนให้โรงสีที่รับปรับปรุงข้าว โดยทำกันที่อคส. แล้วออกใบส่งมอบข้าว และจ่ายเงินผ่านเช็คธนาคาร โดยไม่มีการแปรเป็นข้าวถุงจริง ถือเป็นการโกหกแบบหน้าด้านๆ เรื่องนี้มีหลักฐานชัดเจน

จากนั้นนพ.วรงค์ขอเปิดคลิปสนทนา ที่มีเนื้อหาการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ที่ตัวแทนของบริษัท คอนไซน์เทรดดิ้ง กับ บริษัท ร่มทอง มาชี้แจง ซึ่งยอมรับว่า ไม่มีประสบการณ์ขายข้าวถุง จึงขายคืนให้โรงสีที่รับปรับปรุงข้าวทั้งสามแห่ง แต่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ไม่อนุญาตให้เปิดคลิป เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาเอกสารหลักฐานประกอบการอภิปรายไม่อนุญาต เพราะคลิปดังกล่าวยังไม่ได้รับการยินยอมจากบุคคลภายนอกให้นำมาเปิดเผยได้ ทำให้ส.ส.ประชาธิปัตย์หลายคนไม่พอใจรุมประท้วง แต่นายวิสุทธิ์ยืนยันว่า ไม่สามารถเปิดคลิปได้ และให้ดำเนินการอภิปรายต่อไป
ทั้งนี้ นพ.วรงค์อภิปรายต่อว่า เมื่อไม่สามารถเปิดคลิปได้ แต่มีหลักฐานเป็นคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท สยามรักษ์ บริษัท คอนไซน์เทรดดิ้ง และบริษัท ร่มทองว่า มีการขายข้าวคืนให้โรงสีที่รับปรับปรุงข้าวทั้งสามแห่งจริง

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ​ ในส่วนของบริษัท สิงโตทองไรซ์ จ.กำแพงเพชร พบว่า  มีรัฐมนตรี “ว” สายตรงเจ๊ “ด” เป็นแบ็คให้ แม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งเข้ามาใหม่ แต่ได้รับโควตาทำข้าวถุงถึง 1.5 แสนตัน สมัยนี้ฝ่ายการเมืองเขาไม่กินเอง แต่จะมีบริษัทรับงานจัดการให้ ขณะที่บริษัท เจียเม้ง แม้จะไม่มีนักการเมืองเป็นแบ็ค แต่ใจถึง ตอบสนองความต้องการฝ่ายการเมืองได้ เพราะรู้กลไกการทำข้าวถูกใจก่อน มีการสั่งทำถุงข้าวรอไว้ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. ก่อนวันที่ครม.จะอนุมัติโครงการข้าวถุงในวันที่ 20 มี.ค. แต่ระยะหลังพอเริ่มรู้ตัว ก็เริ่มผันตัวออกจากโครงการ โดยมีบริษัท สิงโตทองไรซ์ และบริษัท โชควรลักษณ์ เข้ามาแทนที่

นพ.วรงค์ อภิปรายว่า จากการตรวจสอบยังพบว่า บริษัท คอนไซน์เทรดดิ้ง และบริษัท ร่มทอง ต่างทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน และผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง 2 ปี เช่นกัน เมื่อมารับทำโครงการนี้แต่ขายไม่เป็นเลยต้องขายคืนให้สามโรงสี ดังนั้นสองบริษัทนี้จึงเป็นแค่พระอันดับ  แต่ต้องจับตาไปยัง บริษัทสยามรักษ์ เป็นบริษัททำดอกไม้แห้งแต่ได้ เข้ามาเป็นบริษัททำข้าวถุงตั้งแต่เริ่มโครงการ

ทั้งนี้  ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.54 พบว่า มีนายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์  เป็นกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นพี่น้องกับนพ.เกรียงชัย ประสงค์สุกาญจน์ รองประธานบอร์ดอคส. ซึ่งนพ.เกรียงชัย เป็นเพื่อนนักเรียนแพทย์รุ่นเดียวกับ “หมอโด่ง” นพ.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ ที่เคยพูดถึงในการอภิปรายครั้งที่แล้วว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญาติของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นพ.วรงค์​กล่าวว่า  นายกฯจะไม่รับผิดชอบได้อย่างไร ขอถามใจนายกฯว่า ทำอย่างไร ปล่อยให้มีการโกงทุกขั้นตอน แล้วยังมาอ้างทำข้าวถุงขายให้คนจน แล้วยังโกงอีก วนไปเวียนมา อยู่กับคนที่ใกล้ชิดนายกฯ  ทีแรกคิดว่า นายกฯไม่รู้ อยู่ในฐานะนั่งเรือที่โจรพาย แต่ตอนหลังมีการโกงทั้งจีทูจี ทั้งข้าวถุง น่าจะเป็นพายเรือร่วมกับโจร รัฐบาลนี้ไม่ได้ช่วยคนจน แต่เอาคนจนมาทำมาหากิน

นพ.วรงค์ อภิปรายกล่าวว่า การปรับปรุงข้าวของโรงสีซึ่งรับซื้อข้าวจากอคส.ในราคาถุงละ 65.60 บาทดังนั้น 1 ตัน 200 ถุงจะเท่ากับมีต้นทุน 13,120 บาท และได้ค่าปรับปรุง 24 บาทต่อถุง รวม 1 ตัน โรงสีจะได้เงิน 4,800 บาท สรุปแล้วต้นทุนของโรงสีจะเหลือตันละ 8,320 บาท ทำให้มีการนำข้าวนี้กลับไปเวียนเทียนข้าวอีกรอบในราคาตันละ 14,000 บาท เท่ากับโรงสีจะได้กำไรเพิ่มอีก 5,680 บาทต่อตัน นอกจากนี้มติการจัดทำข้าวถุงครั้งที่ 4 จำนวน 1.8 ล้านตัน นักวิชาการคำนวณว่า จะมีกำไร 8,520 ล้านบาท แต่ทราบมาว่า ฝ่ายการเมืองขอแบ่งไป 5,000 ล้านบาท ที่เหลือให้โรงสีไปแบ่งกันเอง

อย่างไรก็ตามเมื่อการจับทุจริตการทำข้าวถุงได้ก่อน ทำให้ครม.มีมติวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้ชะลอการทำข้าวถุงออกไป ทำให้ความเสียหายเหลือเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท แต่หากจับไม่ได้ จะเกิดความเสียหายถึง 5 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงท้ายการอภิปราย 

นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ ขอใช้สิทธิ์ถูกพาดพิงชี้แจงว่า   ทำให้ตนเองเสียหาย  ซึ่งไม่ทราบว่าที่นพ.วรงค์อ้างทั้งเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน อย่างไร จะจริงหรือไม่ไม่รู้ แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็น หรือทราบเรื่องใด ๆทั้งสิ้นกับเหตุการณ์ที่นพ.วรงค์เอามาพูดในสภา ถ้านพ.วรงค์มีหลักฐานว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องหรือรับรู้รับทราบ หรือลักษณะการสนับสนุน ตนยินดีจะไปพิสูจน์ทุกรูปแบบ

​อย่างไรก็ตาม กาารกล่าวหานักการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ตนเเองล่นการเมืองมา 20 ปี เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องรักษาไว้ในอาชีพนักการเมือง เพราะฉะนั้นการจะกล่าวหาใครควรจะกล่าวหาที่มีหลักฐาน การกล่าวหาลักษณะนี้เป็นการกล่าวหาลอย ๆ ว่าบริษัทหนึ่งซึ่งอยู่ในจังหวัดของนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนจะต้องรู้จักกันเป็นธรรมดา แต่การรู้จักไม่ได้หมายความว่ารับรู้ รับเห็น การกระทำ จะถูกหรือผิดตนก็ยังไม่ทราบ  ตนไม่เรียกร้องให้ถอน ยืนยันเป็นการกล่าวความเท็จทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องกับตน

ทำให้นพ.วรงค์ลุกขึ้นประท้วงว่า ไม่คิดว่ารมต.จะกินปูนร้อนท้อง  แต่ยืนยันว่าข้อมูลที่พูดถึงเป็นบารมีของรัฐมนตรี “ว.” คนหนึ่งในสายเจ๊ ด. ไม่ได้กล่าวหาใคร ยังยืนยันข้อมูล  ขณะที่นายวราเทพ ชี้แจงว่า  คิดไม่ผิดว่าจะต้องพูดว่ากินปูร้อนท้อง และใช้ลักษณะของการล่อ ใช้ชื่อมาก่อนและลุกขึ้นมาพูด ซึ่งยืนยันว่าเป็นลักษณะการใช้เกมฉ้อฉลเพื่อจะให้ผูกเรื่องนี้ให้ความน่าเชื่อถือ

ภายหลังการอภิปราย ​​ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำคลิปที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดในห้องประชุมมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน โดยภาพในคลิปเป็นตัวแทนของบริษัท ร่มทอง และบริษัท คอนไซน์เทรดดิ้งที่เกี่ยวกับการขายข้าวถุงให้โรงสีทั้งสามแห่งจริง ซึ่งนพ.วรงค์กล่าวว่า คลิปดังกล่าวมีความยาว 2 นาที จะนำไปเผยแพร่ในยูทูปใช้ชื่อว่า “คำสารภาพขายข้าวถุง-ร่มทอง-คอนไซน์ฯ” และข้อมูลต่างๆสามารถขอได้จากรัฐสภา เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มาจากการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาการเศรษฐกิจที่เปิดเผยให้ประชาชนรับทราบอยู่แล้ว