ปชป.สับข้าวถุงธงฟ้าทำสัญญาเอื้อเอกชน

ล็อคสเปคล่วงหน้าแถมเป็นสัญญาตลอดชีพ ระบุ ข้าวถุงภาคใต้หายเพียบ

เมื่อเวลา 24.00น.การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เข้าสู่ประเด็นการอภิปรายเรื่องปัญหาโครงการรับจำนำข้าว

นายประเสริฐ พงศ์สุวรรณศิริ สส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เป็นประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) ต่อมาวันที่ 11 ต.ค.เรียกประชุมกขช.ที่สนามบินดอนเมืองในช่วงเหตุการณ์มหาอุทกภัยเพื่อจัดทำข้าวถุงธงฟ้าจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกกว่าท้องตลาดจำนวน 1 แสนตัน หรือ 20 ล้านถุง เพื่อจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถุงละ 70 บาท และซื้อข้าวถุงจากภาคเอกชนเพื่อจัดทำถุงยังชีพเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในราคาถุงละ 192 บาท

นายประเสริฐ กล่าวว่า องค์การคลังสินค้า(อคส.)ทำงานเร็วมาก เพราะในวันที่ 1 พ.ย. อคส.ได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเจียเม้ง ทำการปรับปรุงข้าวสารจำนวน 1 แสนตันจำนวน 20 ล้านถุง ในราคาถุงละ 26 บาท คิดเป็นเงิน 520 ล้านบาท ปรากฎว่าสัญญาที่ทำกันมีความผิดปกติ คือ ทำสัญญาวันที่ 1 พ.ย.แต่มีหนังสือค้ำประกันของสถาบันการเงินจำนวน 5 ฉบับเป็นเงิน 89 ล้านบาทออกวันที่4พ.ย.ซึ่งปกติการทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ควรทำย้อนหลังจากการทำสัญญาหรืออย่างช้าที่สุดก็ควรทำหนังสือค้ำประกันวันเดียวกับวันทำสัญญา และที่สำคัญหนังสือมอบอำนาจของบริษัทเจียเม้งที่ให้บุคคลมาดำเนินการลงนามในสัญญาวันที่ 1 พ.ย.ยังออกล่าช้าด้วย เพราะหนังสือดังล่าวออกมาวันที่ 9 พ.ย.อย่างนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าได้มีการล็อคสเปคกันแล้วใช่หรือไม่ว่าให้บริษัทเจียเม้ง

"ในมุมมองของผมถือว่าเอื้อประโยชน์ให้กับคู่สัญญาหลายประการ เช่น ไม่มีกรอบระยะเวลาดำเนินการชัดเจนว่าสัญญานี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหรและต้องส่งมอบให้ข้าวสารกับอคส.ให้ทันในช่วงไหน โดยมีแต่ระบุวันลงนามสัญญาเท่านั้น แปลว่าสัญญานี้ไม่มีวันหมดอายุสัญญา เปิดช่องให้เกิดการทุจริต เปิดช่องให้เกิดการเบิกข้าวแล้วเอาไปขายก่อน พอขายมาแล้วเอาเงินไปหมุนก่อนก็ได้แล้วค่อยมาทำข้าวถุงส่งได้ หรือ เบิกข้าวเวียนเทียนก็ได้" นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 13 ก.พ.2555 นายกฯได้ประชุมคณะกรรมการกขช.และมีมติว่าให้อคส.นำข้าวถุงธงฟ้าที่อนุมัติไว้ตอนน้ำท่วม1 แสนตันมาทำข้าวถุงธงฟ้าราคาถูกมาให้พี่น้องไทยมุสลิมฺในภาคใต้ 5 หมื่นตันถุงละ 5 กิโลกรัม เป็นจำนวน 10 ล้านถุงจำหน่ายให้ประชาชนในราคา38บาท  ต่อมาวันที่ 8 พ.ค.2555 อนุมัติขายข้าวถุงแดงตราอคส.ให้กับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชจำนวน 3,150ตัน จำนวน 630,000 ถุง และขายให้ประชาชนในราคาไม่เกิน 70 บาท

"จากนั้นอคส.แจ้งต่ออธิบดีกรมการค้าภายในว่าอคส.ได้ดำเนินการจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงครั้งที่1ระหว่างวันที่14พ.ค.-1พ.ย.2555 จำนวน 630,000 แสนถุงให้กับคณะกรรมการมุสลิมตามมติคณะกรรมการกขช.วันที่ 13 ก.พ.2555 ซึ่งเป็นการบอกว่าได้ส่งข้าวไปหมดแล้ว แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการส่งไปให้เพียง 6,600 พันถุง ข้าวหายไปถึง 623,400 ถุง" นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในวันที่ 4 ม.ค.2556 สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชได้มีหนังสือเพื่อขอจัดซื้อจากอคส.ครั้งที่ 2 จำนวน 4850 ตัน 970,000 ถุง โดยให้ทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนม.ค.ถึงเดือนเม.ย. ซึ่งอคส.ได้มีหนังสือประสานงานให้กรมค้าภายในประสานไปยังแต่ละจังหวัดด้วยว่าต้องควบคุมกการจำหน่ายต้องไม่เกินถุงละ 70 บาท อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าอคส.พร้อมจะจัดส่งข้าวแล้ว ทั้งนี้ตนเองได้ทำหนังสือที่คณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตานี สงขลา และนครศรีธรรมราช ปรากฎว่าทุกจังหวัดมีหนังสือตอบกลับมาว่าไม่เคยได้รับข้าวสารจากอคส.เลยและไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ทำให้สงสัยว่าข้าวหายได้อย่างไร ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่สามารถไว้วางใจนายกฯได้

อย่างไรก็ตาม ในเวลา 1.35 น.นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯได้สั่งพักการประชุมและให้กลับมาประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ย.ตั้งแต่เวลา 9.30น. โดยนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปปัตย์ จะเป็นผู้อภิปรายคนแรก จากนั้นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการจำนำข้าวจะเป็นผู้ชี้แจง และต่อด้วยนายกรณ์ จาติกวนิช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นผู้อภิปรายนายกฯในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจต่อไป

ทั้งนี้สำหรับการอภิปรายในวันแรกที่ประชุมสภาฯได้ใช้เวลาประมาณ 15 ชั่วโมง ซึ่งรวมทั้งการอภิปรายของฝ่ายค้าน การชี้แจงของรัฐมนตรี และ การประท้วง