posttoday

สุรินทร์เผยโลกตั้งสมญารัฐ"เผด็จการจากการเลือกตั้ง"

07 พฤศจิกายน 2556

"สุรินทร์"นำชาวธรรมศาสตร์ยื่นหนังสือค้านนิรโทษกรรมต่อตัวแทนรัฐสภาหน้ายูเอ็น ชี้โลกตั้งสมญารัฐบาล "เผด็จการจากการเลือกตั้ง"

"สุรินทร์"นำชาวธรรมศาสตร์ยื่นหนังสือค้านนิรโทษกรรมต่อตัวแทนรัฐสภาหน้ายูเอ็น ชี้โลกตั้งสมญารัฐบาล "เผด็จการจากการเลือกตั้ง"                

เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. กลุ่มประชาคมและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ที่รวมตัวคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม บริเวณลานปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก่อนเคลื่อนขบวนมายังถนนราชดำเนินมุ่งหน้าไปรัฐสภาเพื่อยื่นแถลงการณ์คัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้เดินมาหยุดอยู่ที่ แนวกั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณหน้า สำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ถนนราชดำเนิน

ทั้งนี้ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน, นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมธ., นายอภิชาติ ดำดี ศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ มธ., นายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. ได้เข้าเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอให้เปิดทางให้กลุ่มประชาคมฯเดินทางเข้าไปยื่นแถลงการณ์ที่รัฐสภา

อย่างไรก็ตามผลการเจรจาสรุปว่า รัฐสภาได้ส่ง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวฺุฒิสภาคนที่หนึ่ง มารับหนังสือจากกลุ่มประชาคมฯที่บริเวณสำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยอมถอยแนวกั้นจากหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติไปอยู่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์

นายสุรินทร์ กล่าวว่า ชาวธรรมศาสตร์อยากบอกกับชาวโลกว่า ประชาชนทั่วประเทศตื่นขึ้นมาเพื่อแสดงเจตนารมณ์ประชาธิปไตย ถ้าสิ่งเหล่านี้ถูกสกัดกั้นโดยรัฐบาล ก็จะเป็นการประนามตัวเองของรัฐบาลสู่ชาวโลก ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกต่างตั้งสมญานามให้รัฐบาลว่าเป็นเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว

"วันนี้ชาวธรรมศาสตร์ต้องการประกาศไปยังทั่วโลกว่า ประชาชนชาวไทยต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติภาพตามประชาธิปไตย ตามครรลองของรัฐธรรมนูญ ผมอ่านร่างพ.ร.บ.แล้วทนไม่ได้ พวกเราจะไม่ยอมอีกแล้ว รัฐบาลยิ่งสกัดกั้นทางออกทางเลือกก็ยิ่งจะน้อย วันนี้เรามาแสดงเจตนารมณ์ว่าเราต้องการให้มีการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง พอกันทีกับประชาธิปไตยที่หลอกลวงประชาชน"นายสุรินทร์กล่าว

ด้าน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวฺุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวว่า ส่วนตัวจบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นลูกเหลืองแดงคนหนึ่งเช่นกัน การเดินทางมารับหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภามีจิตใจที่จะช่วยแก้วิกฤตชาติ

ที่ผ่านมาวุฒิสภาติดตามสถานการณ์มาตลอดตั้งแต่มีการเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร โดยหลายสิ่งหลายอย่างของร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมทำให้เกิดความไม่สบายใจว่า การเมืองเข้าสู่เสียงข้างมากและทำทุกสิ่งทุกอย่างตามอำเภอใจ สว.ได้พยายามท้วงติงในทุกการประชุม แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล

"สิ่งที่พี่น้องยื่นเรื่องเข้ามาขอให้ความมั่นใจว่าจะนำข้อมูลรายละเอียดไปแจกให้สมาชิกได้รับทราบให้ตระหนักถึงหน้าที่ในการเป็นตัวแทนของประชาชน รักษาผลประยชน์ของประชาชน ต้องไม่ฝืนความต้องการของประชาชน ขอให้คำมั่นว่า จะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง เราจะตัดสินใจบนสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุดไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลมากที่สุด"นายสุรชัยกล่าว

นายสุรชัยกล่าวอีกว่า การประชุมวุฒิสภาขณะนี้กำหนดไว้ที่วันจันทร์ที่ 11 พ.ย. ซึ่งมีความพยายามจะเปลี่ยนเป็นวันที่ 8 พ.ย.  แต่วันที่สะดวกคือวันที่ 11 พ.ย.เพราะได้แจ้งสมาชิกให้ทราบแล้ว หากเป็นวันพรุ่งนี้สมาชิกอาจไม่สะดวกเข้าร่วมประชุม

สำหรับแถลงการณ์คัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม กลุ่มประชาคมและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีรายละเอียดดังนี้

ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สาระ 2 และ 3 ไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2556 ดังที่ทราบกันโดยทั่วไป และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ขัดต่อหลักนิติธรรม ล้มล้างกระบวนการยุติธรรม และจงใจเร่งรัดให้ผ่านร่างโดยเร็วเกินกว่าปกติ โดยไม่สนใจเสียงท้วงติงจากสังคม เป็นเหตุให้เกิดแรงคัดค้านต่อต้านจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศเรือนแสนเรือนล้านในเวลาเพียง 3-4 วัน อย่างไม่เคยมีมาก่อน นับจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ในนามประชาคมและศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ มีความเห็นต่อกรณีนี้ ดังนี้ 

1.ท่านได้สร้าง "ตราบาป" ต่อระบบรัฐสภา ด้วยการใช้ "เสียงข้างมาก" อย่างไร้สำนึก ด้วยหลงผิดคิดว่าเสียงข้างมากสามารถทำอะไรก็ได้ แม้กระทั่งทำเรื่อง "ผิดกฎหมาย" ให้ "ถูกกฎหมาย" ก็ทำได้ 

2.ท่านได้สร้าง "วิกฤติศรัทธา" และ "วิกฤติความเชื่อถือ" ต่อนักการเมืองและสังคมการเมืองไทยในสายตาประชาชนหนักหน่วงมากขึ้นไปอีก ซึ่งโดยปกติก็มีอาการหนักหน่วงอยู่แล้ว 

3.ท่านได้ใช้ "อำนาจ" ที่ประชาชนลงคะแนนเสียงเลือกท่านมาในทางที่ผิดหลักนิติธรรมอย่างมหันต์ ด้วยการใช้อำนาจนั้นไปก้าวก่ายและลบล้างกระบวนการยุติธรรม บ่งบอกว่าท่านกำลัง "เหลิงในอำนาจ" จนมองข้ามเจ้าของอำนาจที่แท้จริง 

4.ท่านมีพฤติกรรม "โกหก" หลายครั้งหลายหน นับเฉพาะกรณีการผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ เพียงเพื่อต้องการชิงไหวชิงพริบและเอาชนะทางการเมือง โดยการอ้างการสร้างความปรองดองบังหน้า แม้ว่าทั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาจากพรรคเพื่อไทย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีเสียงข้างมากในสภาฯ จะออกมาแถลงว่ายอมถอยเมื่อวันที่ 5 และ 6 พ.ย. ต่อสาธารณะ รวมทั้งประธานวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งก็ได้ออกมาแถลงว่า จะไม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ ในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วก็ตาม แต่ตราบาปทั้ง 4 ข้อตามที่กล่าวมาข้างต้น ยังไม่อาจทำให้ประชาชนคลายความคลางแคลงใจหรือวางใจได้ว่า การประกาศแถลงในครั้งนี้จะไม่เป็นการโกหกซ้ำสอง ไม่เป็นการสร้างตราบาปซ้ำสองอีก 

เราจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่มีเสียงข้างมากในสภาว่า หากท่านยังยืนยันที่จะบริหารประเทศต่อไป ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ท่านทำได้ตามระบบรัฐสภา ท่านต้องเร่งปฏิบัติตามสิ่งที่แถลงไว้โดยเร็วที่สุด อย่าทำเพียงเพื่อเอาชนะทางการเมือง อย่าตระบัดสัตย์ซ้ำอีก แต่หากไม่สามารถทำได้ ท่านหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไปอีก  บทเรียนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่มีอำนาจใดเหนืออำนาจประชาชน และในฐานะที่ประชาชนคือ เจ้าของอำนาจที่แท้จริง เราต้องตรวจสอบผู้รับมอบอำนาจจากเราไปว่า เขาใช้อำนาจในทางที่ถูกที่ควรตามเจตจำนงที่เรามอบให้ไปหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามเจตจำนง เรามีสิทธิ์ทวงคืนอำนาจนั้นได้