สว.ชี้คลิปเสียงถั่งเช่าผิดกม.ทั้งใน-ตปท.

40 สว.ชี้คลิปเสียงถั่งเช่าส่อผิดกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ เตือนทหารอย่าหลงคำกลวง หวั่นเสียชาตินักเรียนนายร้อย

คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันการติดตามการทุจริตและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในคณะกมธ.ศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ร่วมกับกลุ่ม 40 สว. จัดงานเสวนา เรื่อง “คลิปเสียงแผนสมคบคิด : ยึดกองทัพ ยึดประเทศไทย”

นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.สรรหา กล่าวว่า คลิปสนทนาระหว่างชาย 2 คน ทำให้เกิดการเปลี่ยนเรื่องที่เข้าสู่ระเบียบวาะการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 7 ส.ค. นี้ โดยยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ.... ฉบับที่ นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และคณะเสนอ มาพิจารณาแทนการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) นิรโทษกรรม ฉบับที่นิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผ่านสภากลาโหม

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ชาย 2 คนสนทนาที่ระบุถึงการออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรม ผ่านสภากลาโหมนั้น เชื่อว่าเป็นการวางแผนเพื่อใช้ต่อสู้ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ หากมีผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ว่าการออก พ.ร.ก. นั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 ว่าด้วยการออกพ.ร.ก.เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ หรือไม่ โดยจะอ้างมติของที่ประชุมสภากลาโหม ที่สนับสนุนการออกพ.ร.ก. มาประกอบมติครม.เพื่อสร้างน้ำหนักในการต่อสู้คดี

“จากประวัติศาสตร์ การเสนอร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรม มีจำนวน 25 ครั้ง และมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้นที่ศาลฯ วินิจฉัยไม่ให้มีผลบังคับใช้ แต่ในช่วงการปฎิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันไม่พบคำวินิจฉัยใดที่ยับยั้งการออก พ.ร.ก. ของรัฐบาลได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะศาลรัฐธรรมนูญถูกตีกรอบอำนาจวินิจฉัย ให้ทำได้แค่พิจารณาว่า จำเป็นเร่งด่วน หรือ เป็นกรณีฉุกเฉินหรือไม่เท่านั้น แต่ไม่สามารถพิจารณาว่าร่างพ.ร.ก.ฉบับใดฉบับหนึ่งนั้นขัดรัฐธรรมนูญได้”นายคำนูณ กล่าว

สำหรับการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย แม้จะไม่ใช่ฉบับสุดซอย แต่คาดว่าในชั้นพิจารณาของกมธ.จะสามารถปรับแก้ได้ แต่ด้วยการออกร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมใช้ระยะเวลานาน ก่อนออกเป็นกฎหมาย ดังนั้น ความพยายามออกเป็นพ.ร.ก. จึงยังไม่จบ เพราะบทสนทนาในคลิปชัดเจนว่า บุคคล 2 คนนั้นเห็นด้วยกับการพานายกฯกลับบ้าน ส่วนตัวเชื่อว่าความพยายามดังกล่าวจะเร่งให้คนต่อต้านรัฐบาลออกมา ขอให้จับตาดูในวันที่ 4 ส.ค. และ 7 ส.ค. นี้ให้ดี

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.สรรหา กล่าวว่า ปัจจุบันข้าราชการกองทัพเป็นที่พึ่งของนักการเมืองมากกว่าประชาชน เพราะนักการเมืองให้ตำแหน่งและเงินทองได้ ส่วนประเด็นบทสนทนาที่บุคคล 2 คนอ้างว่าเป็นอดีตนักเรียนนายร้อย ส่วนตัวในฐานะเคยเป็นอดีตนักเรียนนายร้อยเชื่อว่า เป็นการแอบอ้าง เพราะหากเป็นนักเรียนนายร้อยจริง ต้องยึดมั่นในอุดมการณ์รักชาติ รักแผ่นดิน และให้เกียรติรวมถึงเคารพระบบอาวุโส

“ผมไม่เชื่อว่าคนในคลิปเสียงจะเป็น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม เพราะหากเป็นท่านจริง ท่านต้องออกมายอมรับแล้ว เพราะท่านเป็นอดีตนักเรียนนายร้อย แต่หากเป็นเสียงพล.อ.ยุทธศักดิ์จริง แต่ไม่ยอมรับท่านควรอายคุณพ่อน้องปันปัน เพราะเขาไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่นักเรียนนายร้อย แต่มีคำพูดที่ว่า คุณโกหกคนทั้งโลกได้ แต่คุณโกหกตัวเองไม่ได้”พล.อ.สมเจตน์ กล่าว

ขณะที่พล.อ.อ.วีรวิทย์ คงศักดิ์ สว.สรรหา กล่าวว่า ประเด็นคลิปเสียง เชื่อว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ 3 ประเด็น คือ 1.ช่วยผู้ต้องหาใหหลบหนีคดี 2.เป็นการติดสินบนผบ.ทบ. และ ผบ.สูงสุด เพราะในคลิประบุชัดเจนว่า หากทำงานให้สำเร็จ หลังเกษียณแล้วจะมีงานทำ ซึ่งอาจหมายถึงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือประธานบอร์ดในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนสูงและผลประโยชน์อื่นๆ

และ 3.การเสนอผลประโยชน์ หรือติดสินบนกับต่างประเทศ ในอุตสาหกรรมทวาย ซึ่งถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายตามสนธิสัญญาว่าด้วยการป้องกันทุจริต โดยทางเครือข่ายได้จับตาการติดสินบนข้ามชาติอยู่ ส่วนกรณีที่ระบุถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล หรือ นายทหารระดับปฏิบัติการนั้น หากทำจริงถือว่าจะสร้างความเสียหายให้กับชาติ และเรียกร้องให้ยุติการเข้าไปแทรกแซง เพราะการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่ได้เป็นไปตามสาย หรือ ระบบจะกระทบต่อความศรัทธา การสั่งการให้ทหารออกไปปฏิบัติการได้

“คนที่เป็นคนสั่งให้ทหารออกไปเสี่ยงตาย หากไม่ได้รับความเชื่อใจ และศรัทธา จะทำให้ประเทศชาติพัง และรบแพ้ได้ ถ้าพล.อ.ยุทธศักดิ์เป็นคนพูดในประเด็นนี้จริง ผมขอเรียกร้องให้ไปถอนทะเบียนนักเรียนนายทหารดีกว่า ท่านอย่าเข้ามาทำลายวิชาชีพหรืออนาคตของชาติ”พล.อ.อ.วีรวิทย์ กล่าว

ด้าน พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ สว.สรรหา กล่าวว่า ประเด็นการเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เชื่อว่าเป็นยุทธศาสตร์ของกลุ่มล้มล้างสถาบันที่ยังมีความพยายามดำเนินการ เพราะที่ผ่านมาการดำเนินงานของสำนักงานทรัพย์สินฯ ถูกกลุ่มล้มล้างสถาบันยกมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การควบคุมดูแลสำนักงานทรัพย์สินฯ มีนายกฯ ดูแลอยู่แล้ว ดังนั้น คงไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่ด้อยกว่ามาช่วยดูแล