posttoday

“ศรีสุวรรณ”ยื่นผู้ตรวจฯชงปปช.ฟันครม.

24 กรกฎาคม 2556

"ศรีสุวรรณ" ยื่นผู้ตรวจการฯ ชง ปปช. ถอดครม.ไม่แถลงผลงาน พร้อมเสนอให้ ส่งศาลรธน.วินิจฉัยพ.ร.บ.ร่วมทุน

"ศรีสุวรรณ" ยื่นผู้ตรวจการฯ ชง ปปช. ถอดครม.ไม่แถลงผลงาน พร้อมเสนอให้ ส่งศาลรธน.วินิจฉัยพ.ร.บ.ร่วมทุน

เวลา 10.30น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 279 วรรคสามกรณีไม่แถลงผลงานของรัฐบาล ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 75 บัญญัติว่ารัฐบาลต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อรัฐสภาปีละ1ครั้ง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าขณะนี้รัฐบาลบริหารงานมา 2ปีเศษแล้ว แต่กลับยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าว แม้จะไม่กฎหมายที่กำหนดบทลงโทษโดยตรง แต่ก็มีตัวบทกฎหมายที่ให้สามารถดำเนินการทางอ้อมได้เพราะเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และผิดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2551 ข้อ 6 ประกอบข้อ8 ข้อ9 ซึ่งอยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะดำเนินการตรวจสอบและยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ดำเนินการส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนเนื่องจากถือว่าเป็นการกระทำผิดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรง
               
นายศรีสุวรณ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่ากรณีมาตรา 28 ของพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ2556 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่3เม.ย.ซึ่งระบุว่าหากโครงการใดจะต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน หรือต้องมีการก่อหนี้โดยการกู้ หรือคำประกันโดยกระทรวงการคลังเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ เมื่อคณะกรรมการให้ความเห็นชอบหลักการของโครงการแล้วให้เสนอโครงการนั้นให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ  โดยให้ถือว่าการอนุมัติของครม. เป็นการอนุมัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณว่าเข้าข่ายขัดหรือแย้งต่อรัฐรรมนูญมาตรา169ที่กำหนดว่าการใช้จ่ายเงินแผ่นดินจะต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบระมาณ ซึ่งต้องมีการขออนุมัติต่อรัฐสภาหรือไม่
 
โดยทางสมาคมฯเห็นว่า มาตรา 28 ของพ.ร.บ.ร่วมทุนดังกล่าวรัฐบาลตราขึ้นโดยมีเจตนาที่จะใช้งบประมาณโดยหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐสภา เฉพาะอย่างยิ่งการใช้งบประมาณในโครงการบริหารจัดการน้ำ3.5แสนล้าน และโครงลงทุนด้านคมนาคม2ล้านล้านบาทนั้นเมื่อครม.อนุมัติแล้วโดยปกติจะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา แต่เมื่อมาตรา 28 ของพ.ร.บ.ร่วมทุนฯมีผลบังคับใช้คิดว่ารัฐบาลจะตีความว่าทั้ง 2 โครงการเข้าหลักการของพ.ร.บ.ฉบับนี้ แล้วก็ไม่ต้องนำไปขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
 
ขณะที่นายรักษเกชา กล่าวว่า จะรีบนำเสนอทั้ง 2ประเด็นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา แม้ก่อนหน้านี้จะมีการยื่นเรื่องของให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบกฎหมายฉบับนี้ แต่ขณะนั้นยังเป็นร่างกฎหมาย ประกอบกับ มีกับมีการร้องกันไปมาของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้า ทำให้การดำเนินการตามคำร้องของผู้ตรวจฯยังไม่แล้วเสร็จ แต่ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวเป็นพระราชบัญญัติมีผลใช้บังคับแล้ว และคำร้องมีความชัดเจน คาดว่าการดำเนินการจะใช้เวลาไม่นาน