posttoday

ปชป.งัดไพรแมรีโหวตคัดผู้สมัครเลือกตั้ง

25 เมษายน 2556

อลงกรณ์ เปิดระบบ ไพรแมรีโหวต คัดผู้สมัครสส. นำร่องที่อยุธยา เร่งยกเครื่องปฏิรูปพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง

อลงกรณ์ เปิดระบบ ไพรแมรีโหวต คัดผู้สมัครสส. นำร่องที่อยุธยา เร่งยกเครื่องปฏิรูปพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ​รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง กล่าวว่า พรรคจะนำระบบคัดเลือกผู้สมัครไพรมารี แอนด์ คอคัส มานำร่องคัดเลือกผู้สมัครใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยในวันที่ 4 พ.ค. ที่ โรงเแรมวรบุรี อโยธยา คอนเวนชั่น รีสอร์ท จะเปิดให้ผู้สนใจเสนอตัวหรือเสนอชื่อบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมเป็นผู้สมัครสส. จากนั้นอีก 1 เดือนจะจัดประชุมรอบที่ 2 เพื่อให้แสดงวิสัยทัศน์ แนวนโยบาย และให้ที่ประชุมคัดเลือก​ โดยจะนำเสนอคะแนนเรียงลำดับ​เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการภาคกลางเพื่อเข้าสู่คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร และ เสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค

ทั้งนี้ ​ถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ใช้ระบบคัดเลือกนี้ โดยจะเปิดกว้างคัดเลือกเพื่อให้ได้ผู้สมัครที่ดีที่สุด โดยที่เลือกจ.พระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดแรกเพราะถือเป็นเมืองหลวงเก่า และมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของพื้นที่ภาคกลาง 26 จังหวัด และผ่านมา 67 ปี ประชาธิปัตย์ยังไม่มีสส.ในพื้นที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริหารพรรคได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และต่อไปจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั้งพื้นที่ที่ไม่มีสส. หรือพื้นที่ที่แพ้เลือกตั้งหลายสมัย

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากการอนุมัติผู้สมัครแล้วจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคคือจะต้องจัดตั้งสาขาพรรค ศูนย์ประชาธิปัตย์ตำบล ศูนย์ประชาธิปัตย์หมู่บ้าน  และจัดกิจกรรมโครงการทุกเดือนพร้อมรายงานผลมายังส่วนกลางเพื่อพิจารณา ​โดยจะเป็นการยึดโยงกับอุดมการณ์ นโยบาย ขยายฐานสมาชิก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาลอยหรือโดนพรรคอื่นฉกตัวไปเมื่อถึงใกล้เวลาเลือกตั้ง

สำหรับการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ กรรมการบริหารพรรคเห็นชอบในหลักการ และเวลานี้ สส.ของพรรคของก็ประชุมเพื่อที่จะเสนอต่อกรรมการบริหารพรรคเพื่อให้ความเห็นชอบและพัฒนาเป็นพิมพ์เขียวปฏิรูปพรรคต่อไป  โดยการปฏิรูปจะนำไปสู่การสร้างเอกภาพ ประสิทธิภาพ และไม่ทำให้เกิดความแตกแยก

นายนคร มาฉิม สส.พิษณุโลก กล่าวว่า จากที่คณะ สส.ทุกภาคประมาณ 20 คน  ได้ร่วมประชุม​เมื่อวันที่  24 เม.ย. ที่ผ่านมา ทั้งหมดมีความเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องปฏิรูปพรรค โดยเห็นว่า  1. นโยบายพรรคต้องสนองตอบต่อทุกภาคส่วนของสังคม และสัมผัสเป็นรูปธรรมได้ 2 การบริหารองค์กรภายในต้องตอบสนองต่อพลวัตรทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลง​ และ  3.  เปิดกว้างให้บุคลากรทั้งในและนอกพรรคที่มีความรู้ อุดมการณ์พร้อมเสียสละเพื่อให้บ้านเมืองเข้ามามีส่วนร่วม ขับเคลื่อนพรรคเพื่อสนองตอบโจทย์ประเทศมากขึ้น

ทั้งนี้ ​ที่ประชุมกำหนดว่าภายใน 30 วัน มีคณาจารย์จากสถาบันต่าง ๆ มาเป็นที่ปรึกษาเพื่อวางระบบว่าโครงสร้างควรเป็นแบบไหน  โดยนโยบายต้องตอบสนองทุกกลุ่ม อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และการพัฒนาที่ยั่งยืน  เแต่ต้องไม่ปฏิเสธสังคม เพราะหากพรรคปฏิเสธสังคมพรรคก็จะแพ้ เหมือนอย่างที่พ่ายแพ้มาตลอด 21 ปี ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ จึงไม่คิดว่าการขับเคลื่อนของพวกตัวเองทำให้พรรคอ่อนแอลง และหากแนวคิดนี้ไมได้รับการตอบสนองจากกรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีใครคิดย้ายพรรค​