สมช.ยันเผาวงจรปิดใต้ฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ

เลขาฯสมช.สวน"เฉลิม"ยืนยันเหตุเผากล้องวงจรปิดที่ยะลาฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ ชี้เป็นยุทธวิธีปกติ สั่งเพิ่มมาตรการลาดตระเวนมากขึ้น

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบเผากล้องวงจรปิดหลายพื้นที่ในจ.ยะลา เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ว่า เป็นยุทธวิธีปกติของผู้ก่อความไม่สงบ เพราะสถานการณ์ขณะนี้การกำหนดต่อบุคคลเป้าหมายเริ่มมีข้อจำกัดจึงไปดำเนินการต่อกับเครื่องมือ ขณะเดียวกันทางรัฐได้เร่งมือในการแก้ไขและเพิ่มมาตรการในการลาดตระเวนมากขึ้น ส่วนจะเป็นส่งสัญญาณเพื่อเตรียมก่อการครั้งใหญ่หรือไม่ถือเป็นสัญญาณชั้นต้นระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาได้เชิญฝ่ายความมั่นคงมาประชุมหารือและวางมาตรการแล้ว โดยได้เพิ่มกำลังในการเฝ้าระวังและลาดตระเวนมากขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ถือเป็นกลุ่มเดิมที่เป็นกระบวนการหัวรุนแรง โดยตอนนี้เข้าจะปฏิบัติการแบบเคลื่อนพื้นที่ไปเพราะมีกำลังจำนวนไม่มาก

ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเป็นการสร้างสถานการณ์โดยกลุ่มที่เสียผลประโยชน์จากการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่นั้นก็มีส่วน เพราะกระบวนการภัยแทรกซ้อนจะสัมพันธ์และสอดคล้องกันเพราะได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน

"สาเหตุที่ผู้ก่อเหตุสามารถลงมือได้ง่ายนั้น ปัญหาคือชุดเคลื่อนที่เร็วที่จะเข้าไปสกัดกั้นยังเคลื่อนที่ไม่ทันต่อเหตุการณ์ ส่วนจะมีคนในเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ต้องพิสูจน์ทราบกันต่อไป แต่ข้อมูลตอนนี้ยังไม่ปรากฎ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกล้องวงจรปิดที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้เรากำลังจัดงบประมาณที่จะเพิ่มเติมในพื้นที่หลัก 13 เป้าหมายของเราอยู่แล้ว โดยจะมีการติดตั้งแทนของเดิมและเพิ่มเติมในพื้นที่ใหม่ด้วย"พล.ท.ภราดรกล่าว