posttoday

ช่างภาพเนชั่นป่วยหวิดดับคาสภา

10 มกราคม 2556

ช่างภาพเนชั่นหวิดดับกลางสภารถรพ.พระมงกุฎฯเมินช่วยอ้างกู้ชีพเฉพาะ“ส.ส.-ส.ว.” ขณะ“ขุนค้อน”ตกใจแจงผ่านขรก.ไม่มีนโยบายกั๊กรถพยาบาล

ช่างภาพเนชั่นหวิดดับกลางสภารถรพ.พระมงกุฎฯเมินช่วยอ้างกู้ชีพเฉพาะ“ส.ส.-ส.ว.” ขณะ“ขุนค้อน”ตกใจแจงผ่านขรก.ไม่มีนโยบายกั๊กรถพยาบาล

ที่ห้องโถงอาคาร 1รัฐสภา ระหว่างที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวเตรียมความพร้อมจัดงานวันเด็กแห่งชาติปี2556 ในวันเสาร์ที่ 12 ม.ค.ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ไปรอทำข่าวเป็นจำนวนมาก

ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ปรากฏว่านายสกล สนธิรัตน์ ช่างภาพเครือเนชั่น เกิดอาการผิดปกติสะดุดล้ม ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องประคองตัวมานั่งพัก แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น และได้บอกกับเพื่อนร่วมงานบางคนที่นั่งอยู่ใกล้กันว่า “พี่ๆ ผมไม่ไหวแล้ว ช่วยพาไปโรงพยาบาลหน่อย”โดยมีอาการไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด หน้าตาซีดเซียว ปากซีด จนเพื่อนร่วมงานหลายคนที่เห็นอาการต่างตกใจ เมื่ออาการทำท่าว่าจะมีแต่ทรุดลง และทราบดีว่านายสกล มีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว จึงรีบวิ่งไปตามเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎ ซึ่งอยู่ประจำห้องพยาบาลสภาฯมาดูอาการ

โดยระหว่างนั้นนายสกลได้บอกกับเพื่อนร่วมงานตลอดว่า “ไม่ไหวแล้ว”เมื่อเจ้าหน้าที่พยาบาลมาถึง ปรากฏว่ายังมัวแต่ถาม ซักไซร้อาการ วัดความดัน และถามไถ่อาการนานกว่า10 นาที ช่วงแรกนายสกล ยังตอบได้ดี แต่เมื่อถูกซักมากๆ เจ้าตัวก็ตอบกลับมาว่า “ผมไม่ไหวแล้ว” ทำให้เพื่อนช่างภาพหลายคนเห็นเพราะเห็นอาการไม่ดีขึ้น และถามกลับไปว่า ทำไมถึงไม่นำรถพยาบาลของโรงพยาบาลพระมงกุฎ ที่เตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลาที่รัฐสภามารับตัวนายสกลไปส่งโรงพยาบาลเสียที เพราะเห็นกันอยู่ทุกคนว่าอาการมีแต่ทรุดหนักเรื่อยๆ ประกอบกับนายสกลได้บอกอยู่ตลอดว่า “ไม่ไหวแล้ว” แต่ก็ได้รับการชี้แจงมาว่า “มันเคยมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นไปส่งคนไข้ แต่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในสภาฯซ้อนขึ้นมา หากนำรถออกไปกลัวผู้ใหญ่ต่อว่า ต้องรอให้รถอีกคันมาก่อน”สร้างความไม่พอใจให้แก่บุคคลที่ติดตามดูอาการอย่างมาก

ต่อมาผู้ช่วยพยาบาลก็พยายามถามอาการนายสกลอีกว่า “เป็นอะไรมากหรือไม่ มีบัตรประกันสังคมโรงพยาบาลอะไร ดูแล้วยังไหว ยังคุยรู้เรื่อง ไม่น่าเป็นอะไร”  อย่างไรก็ดีเมื่อมีแพทย์เดินทางมาถึงก็ยิ่งทำให้เพื่อนช่างภาพเริ่มร้อนใจ เพราะยังคงถามไถ่อาการตามเดิม บางคนถึงกลับตำหนิกลับไปว่า “ต้องให้ตายไปก่อนหรือยังไง ถึงจะเอารถออก ไม่ใช่ผู้ทรงเกียรติ แต่ก็เป็นคน มีชีวิตเหมือนกัน คุณมีจรรยาบรรณหรือเปล่า”จนกระทั่งรถกู้ชีพของศูนย์นเรนทรจากภายนอกมารับตัวนายสกลไปสั่งที่ โรงพยาบาลกลาง เนื่องจากผู้ป่วยมีบัตรประกันสังคมโรงพยาบาลดังกล่าวอยู่

ด้านนางนุฎฎ์ษีห์ ชัยสุวรรณ์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานสื่อมวลชนสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เมื่อทราบเรื่องจึงได้รีบประสานไปยังนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าว โดยประธานสภาฯยืนยันว่า สภาฯไม่มีนโยบายที่ว่าไม่ให้รถพยาบาลออกไปจากรัฐสภา ซึ่งสามารถนำรถออกไปได้ และให้รถพยาบาลคันใหม่เข้ามาแทน และเนื่องจากกรณีนี้ต่อไปหากเกิดเหตุฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นใครในสภาฯก็สามารถใช้รถพยาบาลได้ทันที ทั้งนี้ประธานสภาฯเมื่อทราบเรื่องก็ตกใจและเป็นห่วงอย่างมากพร้อมกับมอบหมายให้คณะทำงานนำกระเช้าไปเยี่ยมอาการทันที

ขณะที่นายฉลาด จันทร์เดช ประธานชมรมช่างภาพการเมือง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตลอด กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นก็เห็นว่าไม่มีความรวดเร็ว มัวแต่จะมาวินิจฉัย วิเคราะห์กันมันไม่ถูกต้องก็เห็นกันอยู่ว่า เอ๋(ชื่อเล่นช่างภาพ) อาการมีแต่ทรุดกับทรุด ทำไมถึงไม่นำส่งโรงพยาบาล ในฐานะเพื่อนร่วมงานจึงทนไม่ได้ แม้ไม่ใช่ผู้ทรงเกียรติ เป็นนักการเมือง ต่อไปอยากให้สภาฯจัดทีมแพทย์ลักษณะเคลื่อนที่เร็ว ไม่ว่าใครเกิดเจ็บป่วย จะหนักเบาหรือหนัก จะได้นำผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วฉับไว จะมามัวแต่บริการส.ส. ส.ว.อย่างเดียวก็คงไม่ได้ จะปล่อยให้คนนอนรอความตายอย่างนั้นหรือ ต้องให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน คนก็ต้องมองให้เป็นคนเหมือนกัน

นพ.สามารถ ตันอริยกุล ผอ.สำนักงานแพทย์กทม. กล่าวถึงอาการเบื้องต้นนายสกลว่า จากการสแกนเบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยมีเลือดออกบริเวณแกนสมอง แต่ยังอยู่ในส่วนที่ดียังไม่ถึงกับต้องผ่าตัด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้แพทย์ดูอาการและวิเคราะห์อาการอย่างใกล้ชิด

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องทบทวนวิธีคิดในการปฏิบัติงาน เพราะหน้าที่ของตัวเอง คือการช่วยชีวิตคน ในการนำคนป่วยไปถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุดนั่นคือการกู้ชีพ และไม่สมควรจะเลือกว่าบุคคลนั้นจะเป็นเศรษฐี หรือยากจน เป็น ส.ส.หรือช่างภาพ  เพราะกรณีที่เกิดขึ้นมีคนเจ็บเพียงคนเดียว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยว่าจะต้องเลือกนำส่งใครก่อน  การที่ปฏิเสธทำหน้าที่ช่วยเหลือถือว่าขาดมนุษยธรรม หรือขาดจรรยาของวิชาชีพ