posttoday

บิ๊กตุ้ยโยนเผือกร้อนอภัยโทษ

15 ธันวาคม 2555

พล.อ.ชัยสิทธิ์ โยน กุลธน พูดบิดเบือน แอบอ้างสถาบันขอถ้วยมวยมาเก๊า ต้องอภัยโทษ

พล.อ.ชัยสิทธิ์ โยน กุลธน พูดบิดเบือน แอบอ้างสถาบันขอถ้วยมวยมาเก๊า ต้องอภัยโทษ

พล.อ.ชัยสิทธิ์  ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด  ที่ปรึกษานายกฯ  ในฐานะประธานสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก ซึ่งเป็นประธานจัดมวยไทยวอริเออร์ส เทิดไท้องค์ราชัน ที่มาเก๊า  ยอมรับว่า  มีความผิดพลาดในการขอถ้วยพระราชทานมวย และได้ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ แล้ว

“การจัดการแข่งขันมวยดังกล่าวไม่ได้เป็นการจัดเพื่อชิงถ้วยพระราชทาน แต่ทาง พ.ต.ท.กุลธน  ประจวบเหมาะ พูดให้เกิดความคลาดเคลื่อนจนเกิดความเข้าใจผิด และเมื่อเราทำผิด ก็ต้องทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ และได้ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว ซึ่งในฐานะที่เป็นประธานจัดการแข่งขันก็ต้องรับผิดชอบด้วย โดยขณะนี้หนังสือขอพระราชทานอภัยโทษอยู่ระหว่างการนำเรียนสำนักงานเลขาฯ พระราชวัง ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่ออกทีวีช่องเอ็นบีที” พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว

ด้านพ.ต.ท.กุลธน หรือสารวัตรต้น กล่าวว่า คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถ้วยรางวัลแล้ว แต่ยังไม่ได้พระบรมราชานุญาต ซึ่งคณะกรรมการฯ ไม่ทราบ คิดว่าผ่านขั้นตอนการขอพระราชทานแล้ว ทำให้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ประกาศบนเวทีว่าการแข่งขันครั้งนี้ ทีมชนะเลิศจะได้รับถ้วยพระราชทานตามที่แฟนมวยชาวไทยที่รับชมและรับฟังการถ่ายทอดรับรู้

"คณะกรรมการจัดการแข่งขันยืนยันว่า เราได้ทำหนังสือขอถ้วยพระราชทานจริงๆ แต่ผิดพลาด เกิดการล่าช้า หรือตกหล่นจุดไหนไม่ทราบ ทำให้คณะกรรมการฯ คาดว่าทุกอย่างผ่านขั้นตอน  จึงได้มีการประกาศมอบถ้วยรางวัลพระราชทาน ตามที่เป็นข่าว แต่เมื่อทุกอย่างผิดพลาด คณะกรรมการฯ โดย พล.อ.ชัยสิทธิ์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และรู้สึกว่าผิด จึงได้เร่งส่งหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษไปยังสำนักพระราชวังโดยด่วน” พ.ต.ท.กุลธน กล่าว

พ.ต.ท.กุลธนกล่าวอีกว่า เดินทางกลับมาถึงไทยในวันที่ 11 ธ.ค. และในเย็นวันเดียวกันได้รับแฟกซ์หนังสือจากสำนักพระราชวังเรื่องไม่ได้พระราชทานถ้วยรางวัล ทำให้ในวันที่ 12 ธ.ค. ได้เดินทางไปที่เข้าพบนายสนอง บูรณะ รองราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เพื่อขอและยื่นหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว เรื่องนี้ยอมรับว่าเกิดข้อผิดพลาดจริง แต่เป็นความผิดพลาดจากการอ่านสคริปต์ที่เป็นร่างเดิมที่มักใช้อ่านในการแข่งขันที่มีการขอพระราชทานถ้วยรางวัลทุกครั้ง และขอยืนยันว่ามีความจงรักภักดี ไม่ได้แอบอ้าง และทราบมาก่อนหน้านี้แล้วอาจถูกเล่นงานเรื่องนี้

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า เป็นเพียงสปอนเซอร์ให้การสนับสนุนงานบางส่วนเท่านั้น ส่วนรายละเอียดไม่ทราบของถ้วยหรือการจัดงานเป็นงานอย่างไร ต้องถาม พล.อ.ชัยสิทธิ์จะรู้รายละเอียดที่สุด

อนึ่ง    การจัดการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์ส     ที่มาเก๊าฟิชเชอร์แมนวอล์ก เขตปกครองพิเศษมาเก๊า  สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงหัวค่ำวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์  ทางผู้จัดได้เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีสถานะเป็นนักโทษหนีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้จำคุก 2 ปีออกรายการถ่ายทอดสด

แหล่งข่าว กล่าวว่า   สาเหตุที่กองนิติการ สำนักราชเลขาธิการต้องทำหนังสือท้วงติง พล.อ.ชัยสิทธิ์ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และงานส่วนพระองค์ รวมทั้งเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบในความรับผิดชอบและหน้าที่ของกองนิติการ เพราะคณะจัดงานได้ประกาศบนเวทีแข่งขันทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่าเป็นการแข่งขันชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน ทั้งที่ขั้นตอนการส่งหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานถ้วยรางวัลยังค้างอยู่ในการพิจารณาของกองการในพระองค์ สํานักราชเลขาธิการ

กองการในพระองค์ได้เคยทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการจัดงานแล้วถึงรายละเอียดของการแข่งขัน แต่คณะจัดงานกลับไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดแต่อย่างใด ทำให้กองการในพระองค์ไม่สามารถพิจารณาตัดสินใดๆ เพราะไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัด เนื่องจากขั้นตอนการขอพระราชทานถ้วยรางวัลพระราชทานนั้น จะต้องแจ้งรายละเอียดเพื่อใช้ในการสลักรายละเอียดบนถ้วยรางวัลพระราชทาน

ยังมีรายงานอีกว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ได้ทำหนังสือขอถ้วยพระราชทานในช่วงต้นเดือน พ.ย. แต่ในเอกสารไม่ได้ระบุสถานที่จัดการแข่งขัน สำนักราชเลขาฯ จึงได้ทำหนังสือขอข้อมูลเพิ่มเติม จึงได้ทราบว่าคือบริเวณที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า สำนักราชเลขาฯ จึงส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบว่าสมควรให้ถ้วยไปหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าสถานที่จัดการแข่งขันเป็นสถานที่ไม่เหมาะสม เป็นบ่อนกาสิโน จึงไม่สมควรให้ถ้วย

“พล.อ.ชัยสิทธิ์ได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมมาในช่วงปลายเดือน พ.ย. จึงถือว่ากระชั้นชิดเกินไป จึงตรวจสอบไม่ทัน สำนักราชเลขาฯ จึงระบุไปว่าไม่สามารถให้ถ้วยพระราชทาน และไม่ให้มีตราสัญลักษณ์ ภปร. แต่เมื่อถึงเวลาจัดการแข่งขันจริง กลับรายงานว่าผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับถ้วยพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปครอบครองเป็นเวลา 1 ปี สำนักราชเลขาธิการจึงได้ดำเนินการให้ผู้จัดงานทำเรื่องชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ทำหนังสือแจ้งขอพระราชทานอภัยโทษและประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนทราบถึงข้อเท็จจริง” แหล่งข่าว กล่าว