ปชป.ยื่นปปช.สอบจำนำข้าวพ่วงเอสเอ็มแอล

ปชป.ยื่นปปช.สอบจำนำข้าวพ่วงเอสเอ็มแอล หมอวรงค์ย้ำนโยบายรัฐเอื้อสยามอินดิก้าคว้าโควตาจีทูจีพบพิรุธเส้นทางการเงิน

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สส.บัญชีรายชื่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือต่อตัวแทน ป.ป.ช.ขอให้ดำเนินการสอบสวนโครงการของรัฐบาลที่มีการทุจริต ประกอบไปด้วย 1.โครงการรับจำนำข้าว ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยอภิปรายในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2.โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (เอสเอ็มแอล) ที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนโดยตรง

นายองอาจ กล่าวว่า ได้นำข้อมูลการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่มีการอภิปรายในรัฐสภา มาร่วมกับโครงการ เอสเอ็มแอลที่ได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรง โดยการ ทุจริตโครงการ เอสเอ็มแอล นั้น มีการดำเนินการในหมู่บ้าน 70,000 แห่งทั่วประเทศ ขนาดกองทุนหมู่บ้านล่ะ3-5 แสนบาทตามขนาดหมู่บ้าน และลักษณะการทุจริตคือมีกลุ่มบุคคลซึ่งอ้างว่าสนิทกับคนในรัฐบาล ขอให้คนในหมู่บ้านทำประชาคมปลอม เพื่อนำสินค้าที่ตนเองมีอยู่ อาทิ ปุ๋ยด้อยคุณภาพ เครื่องเสียงร้องคาราโอเกะ หรือสั่งซื้อสินค้าราคาเพียงครึ่งหนึ่งของกองทุนเพื่อนำเงินส่วนต่างมาแบ่งกันในขบวนการ

นายองอาจ กล่าวว่า ในข้อมูลมีการพาดพิงถึงบุคคลในรัฐบาล นักการเมืองในท้องที่และเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง โดยมีลักษณะทำเป็นขบวนการเดียวกัน แต่มีการกระจายไปในแต่ละจังหวัด ทั้งนี้ชาวบ้านพยายามร้องเรียนหน่วยงานราชการ แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข พรรคประชาธิปัตย์จึงรวบรวมข้อมูลมาให้กับ ป.ป.ช.เพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด ไม่ให้เกิดการทำผิดซ้ำซากก่อนจะดำเนินการต่อในปีงบประมาณใหม่

ด้าน นพ.วรงค์ กล่าวถึงรายละเอียดข้อมูลในโครงการรับจำนำข้าวว่า ภาพรวมของโครงการรับจำนำข้าวมีปัญหาในช่วงการระบายขายข้าว ที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นไปในลักษณะรัฐต่อรัฐใน3ประเทศ แต่จากการตรวจสอบนั้นไม่เป็นความจริง มีการเอื้อกับบริษัทที่ใกล้ชิดคือบริษัทสยามอินดิก้า ในราคาพิเศษ โดยที่ข้าวเหล่านี้ถูกขายไปในแต่ละโรงสีเพื่อเวียนเทียนมาเข้าโครงการใหม่ ทั้งนี้เอกสารที่นำมายื่นกับ ป.ป.ช.เป็นหลักฐานที่ระบุถึงการระบายข้าวขาออกของรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับ บริษัทจีเอสเอสจี และขายข้าวโดยตรงให้ตัวบุคคล ซึ่งไม่มีรัฐบาลใดเคยดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานระบุถึงเส้นทางทางการเงิน ที่เกิดจากการเปิดแอลซี ที่มาจากรัฐบาลต่างประเทศ แต่มาจากบุคคลที่ใกล้ชิดกับบริษัทสยามอินดิก้า

นพ.วรงค์ กล่าวว่า หลักฐานที่นำมายื่นกับ ป.ป.ช.นี้ถือว่าครบวงจรมาก นอกจากนี้เมื่อรัฐบาลมีการนำบัญชีข้าวไปเชื่อมโยงกับบัญชีต้องสงสัยที่มีการฟอกเงิน จึงจะนำหลักฐานไปยื่นกับคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ในวันที่4ธ.ค.ด้วย ทั้งนี้ภายหลังการอภิปรายในรัฐสภา ได้ข้อมูลที่ระบุถึงเส้นทางการเงินสายใหม่ โดยมีการโอนเงิน เป็นแคชเชียร์แช็คไปยังกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเท่ากับว่าได้พบเส้นทางการเงินเส้นที่สองที่โอนไปยังกรมการค้าต่างประเทศ

“ในเอกสารที่ร้อง ป.ป.ช.เสนอให้ตรวจสอบคน4คณะ คือนายกรัฐมนตรี ที่เคยออกมาแถลงข่าวว่ามีการขายข้าวจีทูจี จะรู้เห็นเป็นใจหรือละเว้นนั่นเป็นอีกเรื่อง คนที่สองคือนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่เป็นประธานอนุกรรมการระบายข้าว เป็นคนเซ็นอนุมัติโดยตรงที่ต้องรับเต็มๆ สามคือเจ้าหน้าที่รัฐ อาจจะเป็นระดับอธิบดี ปลัดกระทรวงตามแต่ ป.ป.ช.จะสาวไปถึง และส่วนที่4คือผู้เกี่ยวข้อง อาจจะเป็นบริษัทเอกชนที่เป็นตัวละครในการเกี่ยวข้อง”นพ.วรงค์กล่าว