posttoday

ตั้ง"ยงยุทธ"นั่งที่ปรึกษารมว.มหาดไทย

05 พฤศจิกายน 2555

จารุพงศ์เตรียมลงนามตั้งยงยุทธเป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมคอนเฟอร์เรนซ์ผวจ. แนะเปลี่ยนบทบาทให้ประชาชนเข้าถึงตลาด-โอกาสมากขึ้น

จารุพงศ์เตรียมลงนามตั้งยงยุทธเป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมคอนเฟอร์เรนซ์ผวจ. แนะเปลี่ยนบทบาทให้ประชาชนเข้าถึงตลาด-โอกาสมากขึ้น

ตั้ง"ยงยุทธ"นั่งที่ปรึกษารมว.มหาดไทย ยงยุทธ

วันที่ 5 พ.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย เป็นประธานในการมอบนโยบายให้กับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยมีพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย และนายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย เข้าร่วมมอบนโยบายด้วย

นายจารุพงศ์เปิดเผยว่า ขอขอบคุณนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทยคนก่อนหน้านี้ ซึ่งได้เสียสละ ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ได้มีโอกาสขึ้นมาเป็นรมว.มหาดไทยแทน และแม้นายยงยุทธจะลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่ปรึกษาในการบริหารงานกระทรวงมหาดไทยหลายเรื่อง รวมถึงปัญหาการชุมนุมประท้วงของกำนันผู้ใหญ่บ้านที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ย.โดยในวันนี้ (5 พ.ย.) จะลงนามแต่งตั้งนายยงยุทธเป็นประธานที่ปรึกษารมว.มหาดไทยอย่างเป็นทางการ อย่างที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยการบริหารงานจะสานงานต่อจากนายยงยุทธทุกประการ

ส่วนนโยบายหลักในการบริหารกระทรวงมหาดไทยนั้น นายจารุพงศ์กล่าวว่า ปัจจุบันภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ดูแลเพียงแค่ประชากร 65 ล้านคน เหมือนอย่างเดิม หากแต่ต้องรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เพราะฉะนั้นกรอบเดิมที่กระทรวงมหาดไทยดูแลแค่ราชการส่วนท้อ งถิ่น ส่วนภูมิภาค และส่วนกลาง จะต้องเปลี่ยนไปสู่การดูแลประชากร 600 ล้านคนจาก  10 ประเทศที่จะเป็นตลาดการค้า ให้อยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันอีกด้วย

นายจารุพงศ์กล่าวอีกว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเกิดขึ้นในระยะเวลา 1 ปี ได้แก่การสร้างปรองดองและความสมานฉันท์ การป้องกันยาเสพติด และบำบัดผู้ติดยาเสพติด รวมถึงการนำความสงบสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศ รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งผู้สูงอายุ และประชาชนทั่วไปให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น และลดประชาชนที่ยากจนให้น้อยลง รวมถึงการส่งเสริมสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และสินค้าศิลปาชีพให้ครบวงจรมากขึ้น

ส่วนนโยบายระยะยาว 4 ปีนั้น นายจารุพงศ์กล่าวว่า ได้แก่ เรื่องความมั่นคง ได้แก่ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ การพัฒนาระบบเตรียมความพร้อมภัยคุกคาม ทั้งจากธรรมชาติ และจากสิ่งที่มนุษย์สร้าง การแก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เป็นต้น ส่วนด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถหารายได้ด้วยตัวเอง รวมถึงลดการอุดหนุนจากส่วนกลาง และการปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ ให้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน ในการใช้พลังงานทดแทน รวมถึงมีแผนรองรับ หากเกิดระบบขัดข้อง

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายด้านสังคมและคุณภาพชีวิต ได้แก่ การขยายการศึกษาที่เป็นธรรม ให้ประชาชนทุกคนได้รับองค์ความรู้และภูมิปัญญาที่เท่าเทียมกัน นอกจจากนี้ ยังต้องดูแลคนชายขอบ ผู้สูงอายุ และคนพิการ ไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนให้ได้ นอกจากนี้ จะสนับสนุน ให้มีการจัดสรรที่ดินเปล่า ด้วยการไปเจรจากับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ชาวบ้านได้ใช้สำหรับประกอบอาชีพมากขึ้น และจะมีการเชื่อมโยงระบบข้อมูลสารสนเทศพื้นที่ป่า เพื่อให้ทราบว่า ประชาชนจะสามารถมีที่ดินทำกินได้เท่าไร เพื่อขยายโอกาสให้มากยิ่งขึ้น

นายจารุพงศ์กล่าวอีกว่า จะเปลี่ยนหน้าที่ของรัฐมนตรีจากการรับจ้างฝากคน ให้เปลี่ยนเป็นการคัดเลือกด้วยระบบคุณธรรม และการประเมินผลงานที่ดีขึ้น แม้ระบบอุปถัมภ์จะยังคงมีอยู่ แต่ต้องใช้ระบบคุณธรรมมาประเมินคนให้เหมาะสมมากกว่า ขณะเดียวกัน เรื่องของการจ่ายเงิน เพื่อให้ขึ้นเป็นข้าราชการอปท. ที่ลือกันว่า จะต้องใช้เงินมากกว่า 6 หลักนั้น ในยุคนี้จะต้องหมดไป และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องตรวจสอบให้โปร่งใสให้ได้

“ผมไม่สนใจว่าใครไปสิงห์แดง สิงห์ดำ หรือสิงห์ไหน เพราะผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าทุกสถาบันการศึกษาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีทั้งหมด เพราะฉะนั้นในยุคผม การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการจะพิจารณาจากความสามารถเป็นหลัก ข้าราชการจำไว้ว่าไม่ต้องมาขอให้ผมช่วยเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้มีตัวชี้วัด ระบบการสอบคัดเลือก และประเมินผลอยู่แล้ว” รมว.มหาดไทยกล่าว