posttoday

เฉลิมเบี้ยวแจงกมธ.ปมเวทีสานเสวนา

31 ตุลาคม 2555

รองนายกฯไม่มาแจง กมธ.เหตุติดภารกิจ ไม่แน่ใจนายกฯให้ดูสานเสวนาปรองดองต่อไปหรือไม่ ย้ำรูปแบบบูรณาการเหมือนเดิม

รองนายกฯไม่มาแจง กมธ.เหตุติดภารกิจ  ไม่แน่ใจนายกฯให้ดูสานเสวนาปรองดองต่อไปหรือไม่ ย้ำรูปแบบบูรณาการเหมือนเดิม

คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย ศรีหล้า สส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาแนวทางการดำเนินการจัดเวทีสานเสวนาสร้างความปรองดองของรัฐบาล โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ นายศุภชัย ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ร.ต.อ.เฉลิม นายจารุพงศ์ และนายวิบูลย์ ได้ส่งหนังสือระบุสาเหตุที่ไม่สามารถเข้าร่วมชี้แจงกับกมธ.ได้ เนื่องจากติดปฏิบัติหน้าที่อื่น โดย ร.ต.อ.เฉลิม แจ้งว่าติดภารกิจและอยู่ระหว่างช่วงรอยต่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงขอดูความชัดเจนก่อนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้รับผิดชอบอยู่หรือไม่ ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ได้ส่งนายสถาพร ศิริภักดี รองอธิบดีกรมการปกครอง นายพิสันต์ ประทานชวโน รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และคณะในฐานะผู้รับมอบหมายงานเข้าร่วม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้ให้ตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทยอธิบายถึงการดำเนินงานการจัดเวทีเสวนาสร้างความปรองดองที่ผ่านมา ซึ่งนายพิสัตน์ ได้รายงานว่า อนุกรรมการปคอป.ที่มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้ให้กรมพัฒนาชุมชนกำหนดแนวทางการดำเนินการงานเสวนา ซึ่งกรมพัฒนาชุมชนได้กำหนดแนวทางและส่งเข้าที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา

สำหรับรูปแบบที่จะดำเนินการนั้น เป็นไปตามการสั่งการของนายกฯที่มอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ในรูปแบบบูรณาการเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทยและเวทีการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญของกรมการปกครองให้เป็นเวทีเดียวกัน และจะยึดโครงการประชาเสวนาฯเป็นหลักและปรับประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญเข้ามาผสมผสาน อย่างไรก็ตามทั้งหมดอยู่ระหว่างการดำเนินการ

นายพิสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนในเรื่องงบประมาณนั้น สำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณจำนวน 90 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเป็นงบกลางรายการเงินสำรอง เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นโดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ปีงบประมาณ พ.ศ.2555 โดยกรมพัฒนาชุมชนเป็นผู้เบิกจ่าย ส่วนเมื่อมีการปรับรูปแบบบูรณาการทั้ง 2 ประเด็นแล้วจะมีการอนุมัติงบประมาณใหม่ประมาณ 236 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอโครงการและรอการอนุมัติ

นอกจากนี้ กรมพัฒนาชุมชนได้รับการประสานจากสำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรีเพื่อร่วมประชุมคณะอนุกรรมการกำกับทิศทางการดำเนินการจัดทำเวทีประชาเสวนา ในวันที่ 8พ.ย. และจะประชุมคณะกรรมการปคอป.ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ ตามลำดับเพื่อหาข้อสรุปต่อไป