แฉ30นักการเมืองไซฟอนเงินฮ่องกง
"มงคลกิตติ์" ยันมีชื่อ 30 นักการเมืองไซฟ่อนเงินฮ่องกง เผยชื่อย่อ "ส" ลูกน้องเจ๊ ด.มีฝ่ายค้าน "ช." เอี่ยวด้วย จี้นายกฯตั้งกก.สอบ
"มงคลกิตติ์" ยันมีชื่อ 30 นักการเมืองไซฟ่อนเงินฮ่องกง เผยชื่อย่อ "ส" ลูกน้องเจ๊ ด.มีฝ่ายค้าน "ช." เอี่ยวด้วย จี้นายกฯตั้งกก.สอบ
มงคลกิตติ์
เมื่อวันที่ 16ต.ค. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางภตช.มีรายชื่อนักการเมืองทั้ง 30 คน ที่ขนเงินไซฟอนออกนอกนอกประเทศไปยังเกาะฮ่องกงแล้ว โดยเปิดเผยได้เพียงว่ามีนักการเมือง อักษรย่อ “ส” เข้ามาเกี่ยวข้องที่อาจจะเป็น สส. หรือรัฐมนตรีของรัฐบาลและเป็นลูกน้องของ “เจ๊ ด.” รวมถึงนักการเมืองอักษรย่อ “ช” ในฝ่ายค้านร่วมด้วย
ทั้งนี้รายชื่อนักการเมืองดังกล่าวได้รับมาจากองค์กรไอแคค (Independent Commission Against Corruption: ICAC) ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชน เอกชน รวมทั้งเอ็นจีโอ ไม่ใช่ข้อมูลจากสำนักงานป.ป.ง.ของฮ่องกงตามที่มีการเสนอข่าวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
"สำหรับรายชื่อนักการเมืองทั้ง 30 ราย ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการชุดพิเศษ ซึ่งขึ้นตรงกับองค์กรไอแคค โดยไอแคคประกอบด้วย ภตช.ของไทย 47 องค์กร นักธุรกิจ นักธุรกิจที่เคยกระทำทุจริตของฮ่องกง อดีตนายตำรวจสก๊อตแลนด์ ยาร์ด ของอังกฤษ รวมถึงภตช.ของอีกหลายประเทศ ขณะเดียวกันยังมีเจ้าหน้าที่ของสำงานป.ป.ง.ฮ่องกงเข้าร่วมประชุมด้วย"นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเงิน 1.6 หมื่นล้านนั้นเมื่อสังเกตจากจังหวะเวลาการเบิกจ่ายทำให้รู้ว่าส่วนใหญ่น่าจะมาจากทุจริตโครงการน้ำท่วม จากการขุดลอกคูคลองการระบายน้ำ ซึ่งข้าราชการมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเงินที่ได้จากการทุจริตไม่ได้เกิดจากโครงการเดียว และการไซฟอนเงินของนักการเมืองก็ต่างคนต่างทำ อย่างไรก็ตามการไซฟอนเงินไม่ได้มีแค่การถ่ายโอนออกนอกประเทศ แต่ยังมีการทำในประเทศโดยเก็บไว้ในบ้านนักการเมือง แต่ทาง ภตช.ไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจค้นเท่านั้น ทั้งนี้ลักษณะการถ่ายโอนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาทดังกล่าวอาจไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายในรูปเงินสดไปยังฮ่องกง แต่เป็นการถ่ายโอนผ่านธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังเดือนพ.ค.ปีนี้
“ตัวเงิน 1.6 หมื่นล้านดังกล่าวอาจอยู่ในรูปการอายัดอยู่ในธนาคารหรืออยู่ในธุรกิจส่วนที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งปัจจุบันยังหาที่มาไม่ได้ ทางรัฐไทยก็ไม่สามารถแสดงท่าทีอะไรได้ เพราะจะกลายเป็นการแสดงตัวเป็นเจ้าของเงินซึ่งสร้างความเสียหายมาถึงประเทศได้ ทางฮ่องกงเองก็ไม่สามารถการันตีว่าเป็นของประเทศไทย เพราะจะกลายเป็นการกล่าวหาจนเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เพียงแต่รู้ว่าแหล่งที่มามาจากกลุ่มนักธุรกิจซึ่งโพยก๊วนไปจากย่านเยาวราช”นายมงคลกิตติ์กล่าว
ทั้งนี้นายมงคลกิตติ์ เสนอให้รัฐบาล โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีจัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเพื่อสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในการเดินทางไปยังเกาะฮ่องกงเพื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ง่ายขึ้น อีกทั้งคณะกรรมการจะได้มีอำนาจตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของนักการเมืองทั้ง 30 ราย
อย่างไรก็ตาม การตั้งคณะกรรมการดังกล่าวต้องปราศจากการแทรกแซงของรัฐบาล ซึ่งสมาชิกควรประกอบด้วย ภาคประชาชนเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ และอาจให้ตัวแทนของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเข้าร่วมอีกฝ่ายละ 1 คน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
ต่อกรณีที่นายดุษฎีปฏิเสธการรับรู้ข้อมูลการไซฟอนเงินนั้น นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เพราะนายดุษฎีสวมหมวกเป็นข้าราชการและเป็นกรรมการของ ภตช. ด้วย เพียงถูกอ้างถึงก็ถูกตั้งกรรมการสอบแล้ว จึงพูดอะไรไม่ได้ ถ้าพูดไปก็คงโดนเด้ง
“พี่ดุษฎีก็บอกอยู่แล้วว่าถ้าอยากรู้ความจริงเรื่องนี้ก็ขอให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงมา ถ้ามีอำนาจตรวจสอบท่านก็จะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ท่านถึงบอกว่าไม่รู้ แต่ถ้าอยากรู้ก็ให้ตั้งคณะกรรมการมา” นายมงคลกิตติ์กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางภตช.จะได้นำเรื่องการทุจริตการค้าข้าวระหว่างประเทศที่เชื่อมโยงกับประเทศโอมานห์ตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมาเปิดเผยด้วยตามที่มีการเชิญให้ชี้แจงจากคณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลในภาครัฐ ที่มี พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ในวันที่ 18 ต.ค.นี้