พท.ตั้งกระทู้จี้จับ"แม่อรรถวิชช์"ขึ้นศาล

เพื่อไทย ตั้งกระทู้จี้จับ "แม่อรรถวิชช์" ขึ้นศาล "เฉลิม" รับลูกลั่นจับก่อนหมดอายุความ ด้าน "อรรถวิชช์" ยกคำให้การแบงค์ชาติย้ำไร้ความผิด

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณากระทู้ถามสดเรื่อง การดำเนินการกับอาชญากรทางเศรษฐกิจการเงิน ของนายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี

วรชัย

นายวรชัย กล่าวว่า ต้องการสอบถามความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวนางภคินี สุวรรณภักดี อดีตรองกรรมการผู้จัดการธนาคารมหานคร ผู้ต้องหาร่วมกันทำให้ธนาคารมหานคมูลค่าความเสียหายกว่า 4,100 ล้านบาท หลังจากได้หลบหนีคดีตามหมายจับ จ24/3/2549 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2549 ซึ่งกำลังจะหมดอายุความในวันที่ 30 ต.ค.2555

นายวรชัย กล่าวว่า กรณีนี้สืบเนื่องมาจากธนาคารมหานครได้อนุมัติสินเชื่อให้กับห้างหุ้นส่วนแสงสงวนพาณิชย์ ลูกหนี้ซึ่งทำธุรกิจโรงโป๊วสีรถยนต์ โดยพบผู้บริหารธนาคารในเวลานั้นไม่ได้วิเคราะห์ว่าโครงการที่มาขอสินเชื่อเพื่อไปดำเนินการนั้นจะมีความเป็นไปได้หรือไม่และห้างหุ้นส่วนดังกล่าวมีเงินมีหลักทรัพย์ค้ำประกันในจำนวนไม่เหมาะสม จนสร้างความเสียหายให้กับธนาคารมหานครและปิดกิจการ ต่อมาธนาคารแห่งประเทศไทยได้ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีและส่งฟ้องศาลอาญาจนกระทั่งมีหมายจับในเวลาต่อมาแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวนางภคินีได้

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยืนยันว่าตำรวจจะพยายามดำเนินการติดตามตัวนางภคินี ซึ่งเป็นมารดาของนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ให้ได้เพราะพบว่าการอนุมัติเงินกู้ให้กับห้างหุ้นส่วนนั้นพบว่าได้นำไปเล่นหุ้น แต่ถ้าคดีนี้พ้นวันที่ 30 ต.ค.ก็ถือว่าหมดอายุความก็จนปัญญาและคงจะไปยึดทรัพย์กับครอบครัวไม่ได้เพราะส่วนนั้นเป็นคดีทางแพ่ง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตำรวจได้มีความพยายามจะดำเนินการติดตามตัวมาตลอด ดังนั้น หากนางภคินีไม่มีความผิดจริงๆก็ควรมามอบตัวเพื่อสู้คดีและแสดงความบริสุทธิ์ในชั้นศาลไม่ใช่หลบหนีแบบนี้

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จากตรวจสอบเกี่ยวกับการเดินทางของนางภคินีครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ไม่พบว่านางภคินีเดินทางออกนอกประเทศไทยและไม่มีหลักฐานว่าผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ครั้งที่สุดท้ายที่พบความเคลื่อนไหว คือ ตรวจพบว่าใช้โทรศัพท์ที่อ.แม่สาย จ.เชียงรายโดยไม่ทราบว่าอยู่จุดไหน แต่มีข้อมูลยืนยันว่านางภคินีเดินทางออกนอกประเทศครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2547 ก่อนถูกหมายจับ โดยเดินทางเข้าในประเทศวันที่ 18 ม.ค.2547 จากนั้นไม่พบข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศอีกเลย

ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายร.ต.อ.เฉลิม ได้นำเอารูปถ่ายรูปหมู่ในงานแต่งงานของนายอรรถวิชช์เมื่อปี 2552 มาแสดงเพื่ออ้างว่านางภคินีเดินทางในงานแต่งงาน

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามารดาถูกฟ้องร้องจริงทั้งที่การอนุมัติเงินกู้ก้อนนี้ทำโดยมติของคณะกรรมการบริหารเมื่อปี2547ที่มีรมว.คลังในขณะนั้นเป็นประธานแต่กลับไม่ถูกดำเนินคดี และที่สำคัญเมื่อฟ้องร้องคดีปรากฏว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องในตอนแรก แต่กลับมีการวิ่งเต้นในชั้นพนักงานสอบสวนจนกระทั่งกลับมาสั่งฟ้องในที่สุด

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันมีคำให้การจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุชัดว่า "ไม่ปรากฏว่ามีเงินที่ได้จากการกู้กลับไปยังผู้บริหารธนาคารมหานคร" แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่การยักยอกทรัพย์และครอบครัวตนไม่ได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด ไม่เพียงเท่านี้ในชั้นของศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาในคดีการติดตามทรัพย์แล้วว่าไม่มีความผิด ส่วนเรื่องรูปที่ร.ต.อ.เฉลิมนำมาอ้างนั้นยืนยันว่าไม่ใช่รูปมารดาแต่เป็นรูปของมารดาภรรยา

"ผมเข้ามาในสภาเป็นสส.สองสมัยผมพร้อมโดนทุกรูปแบบมาได้เลยครับ แต่อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับคดีเศรษฐกิจคดีอื่นๆด้วยไม่ใช่ติดตามเฉพาะคดีนี้เป็นพิเศษอย่างเดียว ใครโกงเงินแผ่นดินขอให้ครอบครัวมันฉิบหาย" นายอรรถวิชช์ กล่าว