ยันบริษัทประมูลอีพาสปอร์ตตามหลักเกณฑ์

บัวแก้วยันบริษัทรับงานผลิตอีพาสปอร์ต มีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ไม่มีฮั้ว

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเจ้าหน้าที่กงสุลทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ โดยนายสุรพงษ์ ได้กล่าวเน้นย้ำต่อเจ้าหน้าที่กงสุลของไทย ให้ความสำคัญกับหน้าที่หลัก คือ การบริการ ทั้งการออกวีซ่า ทำหนังสือเดินทาง หรือแม้แต่การให้คำปรึกษาแก่คนไทยและต่างชาติ 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา การทำหนังสือเดินทางอิเล็คทรอนิคส์ หรือ อีพาสปอร์ต ทำได้รวดเร็วมาก แต่ด้วยระบบ อีพาสปอร์ต เดิมที่เริ่มใช้ตั้งแต่ 2548  มีเงื่อนไขในการผลิต คือ 7 ล้านเล่ม ใน 10 ปี แต่ขณะนี้ 7 ปี ออกกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ออก อี พาสปอร์ตไปแล้ว 10 ล้านเล่ม ซึ่งครบตามกำหนดเงื่อนไขของเครื่อง 

ดังนั้น จึงมีการพัฒนาเข้าระบบ อีพาสปอร์ตใหม่ ที่มีเทคโนโลยีการผลิตพัฒนามากขึ้น จากเดิมที่พิมพ์ลายนิ้วมือเฉพาะนิ้วโป้ง แบบใหม่คือพิมพ์ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว พิมพ์ได้รวดเร็วขึ้น จึงจะต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไรกับเครื่องผลิตอีพาสปอร์ตเดิม ไม่ให้กลายเป็นขยะ เช่น การบริจาคให้กับประเทศอื่น นอกจากนี้ ยังต้องปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ ระบบออนไลน์ เพื่อป้องกันการโดนแฮก รวมถึงการวางระบบโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อราชการ

สำหรับบริษัท จันทร์วานิช จำกัด ที่ได้รับงานประมูลอีพาสปอร์ตครั้งใหม่ แต่ถูกมองว่าไม่เป็นธรรมกับบริษัทอื่น เนื่องจากไม่มีการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้ประชาสัมพันธ์ไปหมดแล้ว แต่บริษัทที่ครบเข้าหลักเกณฑ์ และทดสอบความสามารถในการพิมพ์ มีเพียงบริษัทเดียว ดังนั้น ขั้นตอนนี้จบไปตั้งแต่เดือนต.ค.2554 แต่ยังไม่สามารถว่าจ้างได้ เพราะต้องถามไปที่คณะกรรมการว่าด้วยพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิคส์ (กวพอ.) กรมบัญชีกลาง จากนั้นกระทรวงการต่างประเทศ ก็ทำทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และคาดว่าเครื่องใหม่นี้จะสามารถติดตั้งได้ประมาณเดือน ม.ค. 2556