posttoday

"สุกำพล" ฉุนคนต่อว่ากองทัพแก้ไฟใต้

17 สิงหาคม 2555

รมว.กลาโหม ระบุ งบกระทรวงกลาโหมที่เพิ่มขึ้น ใช้ปรับเงินเดือนตามสิทธิ ชี้แก้ปัญหาใต้ไม่ใช่หน้าที่ทหารฝ่ายเดียว ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ยันตั้ง กปต. ไม่ทำงานซ้ำซ้อน

รมว.กลาโหม ระบุ งบกระทรวงกลาโหมที่เพิ่มขึ้น ใช้ปรับเงินเดือนตามสิทธิ ชี้แก้ปัญหาใต้ไม่ใช่หน้าที่ทหารฝ่ายเดียว ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน  ยันตั้ง กปต. ไม่ทำงานซ้ำซ้อน

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความเห็น กรณีที่ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เสนอในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ให้ตัดงบกองทัพ โดยอ้างว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ว่า ที่ผ่านมาได้ชี้แจงงบกระทรวงกลาโหมต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปแล้ว และงบที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10,000 ล้านบาท เป็นงบที่นำไปใช้ในการปรับเงินเดือนตามสิทธิที่ควรได้ของกำลังพล และกระบวนการทั้งหมดมีคณะกรรมการกลั่นกรองและมีขั้นตอนที่ชัดเจน

“เท่าที่ผมฟังการอภิปราย คาดว่าผู้อภิปรายยังไม่เข้าใจ ซึ่งหากไม่เข้าใจก็มาถามผมได้ และการแก้ไขปัญหาใต้อย่ามุ่งหวังแต่ทหารแก้ไขปัญหาอย่างเดียว  ทหารเป็นเพียงแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ทุกหน่วยงานต้องช่วยกัน ทั้ง 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน มีงบประมาณในการแก้ไขปัญหาใต้มากกว่าทหาร ของทหารส่วนใหญ่เป็นงบเบี้ยเลี้ยงกำลังพล นอกจากนี้ ทหารก็เสียชีวิตทุกวัน ผมไม่พอใจคนที่ไม่เข้าใจการทำงานของกองทัพ แต่ก็คงต้องปล่อยไป”  พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว

พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึง การตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) ที่ถูกวิจารณ์ว่าซ้ำซ้อน ว่า ไม่เป็นความจริง กปต. มีหน้าที่ดูแลและอนุมัติแผนงานของแต่ละกระทรวง ให้มีความเหมาะสมและตรงกับนโยบาย แผนงานใดที่เป็นประโยชน์ มีความสำคัญ ก็จะอนุมัติงบประมาณให้ทันที โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น การติดต้องกล้อง CCTV ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งในอดีตต่างคนต่างทำ แม่ทัพภาคที่ 4 ไม่มีอำนาจสั่งการ ทั้งที่การติดตั้งกล้องแต่ละจุดต้องสอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายความมั่นคงด้วย  แต่การแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ต้องใช้เวลา และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน เช่น ข้อเสนอให้กำลังตำรวจลงไปปฏิบัติภารกิจรักษาความปลอดภัยแทนทหาร ก็ต้องกำหนดเวลาที่ชัดเจน ว่าจะเริ่มต้นเมื่อไรใช้จำนวนเท่าไร เพื่อจะได้ให้ทหารได้ทำงานในเชิงรุกแทนการปฏิบัติภารกิจคุ้มครองพระ คุ้มครองครู ในแต่วัน

“หน่วยงานที่สำคัญ คือ กระทรวงศึกษาธิการที่ผมมองว่าเป็นต้นของปัญหา เพราะแนวร่วมต่างๆ มาจากการสอนที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องแก้ไขตรงนั้น เช่น การให้งบสนับสนุนที่เราทำกันอยู่ ต้องดูว่าตรงหรือไม่ ไม่ใช่นักเรียน 100 คน แต่โอนงบให้ 200 คน เงินเหล่านั้นอาจจะกลับมาทำร้ายเราก็ได้ รวมถึง กรมศุลกากรต้องดูเรื่องยาเสพติด น้ำมันเถื่อน งานทหารจะได้ลดลงและไปทำอย่างอื่นในเชิงรุก ที่สำคัญคือ นโยบายไม่ควรเปลี่ยนบ่อย เพราะถ้าหัวส่ายหางก็สะบัดหมด” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว

เมื่อถามถึงเหตุการณ์ระเบิดรถยนต์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ที่ จ.ปัตตานี ว่า พล.อ.อ.สุกำพล ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ยังหละหลวมอยู่ แต่ทุกนายก็พยายามทำเต็มที่แล้วและเชื่อว่า หากทุกฝ่ายทำตามแผนงานที่วางไว้ การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะดีขึ้น