posttoday

ทักษิณลั่น..."ไม่กลับก็ไม่ตาย"

28 กรกฎาคม 2555

งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดครบ 63 ปี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจัดที่โรงแรมเดอะมิรา เกาะฮ่องกง

งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดครบ 63 ปี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจัดที่โรงแรมเดอะมิรา เกาะฮ่องกง

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่นิยามตัวเองล่าสุดว่าเป็น “ผู้มีบารมีนอกราชอาณาจักร” ได้เปิดใจหลายเรื่องราว เช่น ความรู้สึกที่มีต่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และยอมรับด้วยว่า ครั้งหนึ่งได้พบกันที่บรูไน

“ปูเป็นน้องที่อายุห่างกันถึง 18 ปี ที่ผ่านมาเธอไม่ได้สนใจเรื่องของการเมืองมาแต่แรก เพราะได้รับมอบหมายให้ดูแลธุรกิจครอบครัว และไม่มีใครรู้จักน้องสาวคนนี้ดีเท่าตัวเองว่ามีความสามารถ ขยัน ในฐานะเป็นนักบริหาร เพราะได้ทำงานเรียนรู้มาด้วยกันยาวนาน

...ผมเคยแนะนำว่า น้องเอ้ย การเป็นนักการเมืองถ้าอยากให้ประชาชนรัก เราต้องรักประชาชน ประชาชนเดี๋ยวนี้รู้ว่าเราคิดอะไร เวลาเขาดูเราผ่านกล้องเขาจะเห็นอาการ เห็นแววตา ถ้าเราไม่เป็นธรรมชาติจะรู้ทันที พวกที่พูดอย่างเดียวทำให้ไม่ได้ ไม่รักเขา ประชาชนเขาจะไม่เลือก ฉะนั้นถ้าใจน้องรักประชาชน ประชาชนก็พร้อมที่จะรักน้อง

...วันนั้นเราคุยกันที่บูรไน ตอนนั้นสุลต่านแห่งประเทศบรูไน รับไว้เป็นบุคคลพิเศษ มีการเตรียมสถานที่ไว้รับเตรียมการตั้งนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ผมบอกกับน้องว่า เตรียมตัวเป็นนายกฯได้ จนวันนี้สิ่งที่นายกฯ ปูได้ทำเก่งกว่าที่ผมคิดเยอะ และเก่งกว่าผมเสียอีก เพราะไม่เคยตอบโต้การเมือง ซึ่งผมทำไม่ได้”

ทักษิณลั่น..."ไม่กลับก็ไม่ตาย"

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังบอกว่า เหตุที่เลือกน้องสาวเป็นนายกฯก็เพราะอยากเห็นความปรองดองในบ้านเมือง

“ความขัดแย้งในวันนี้ว่า บางคนก็บอกว่าเป็นเพราะผม ความจริงแล้วไม่ใช่ แต่ผมเข้ามาผิดจังหวะในช่วงที่มีการพัฒนาการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน”

...การแก้มาตรา 291 เกิดจากการที่คณะศึกษานำโดย นพ.ประเวศ วะสี บอกว่าประเทศไทยนั้นนายกรัฐมนตรีไม่มีภาวะผู้นำ เพราะเกิดจากการเมืองที่มีการต่อรอง รัฐบาลไม่เคยมีเอกภาพ ต่อมามีการร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ให้ความเป็นประชาธิปไตย เพิ่มภาวะผู้นำแก่นายกรัฐมนตรี ผมเข้ามาพอดีจึงได้รับภาวะผู้นำอย่างเต็มที่ เลยทำให้บางคนไม่สบายใจ เกิดวิตกจริต คิดว่าการพัฒนาประชาธิปไตยที่ก้าวหน้านั้นจะทำให้สถานะของหลายคนที่เคยมีความสุขกับชีวิตที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะเสียหายไป จึงไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและกับรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

พ.ต.ท.ทักษิณ เล่าต่อว่า เมื่อมีการปฏิวัติเสร็จ ฝ่ายที่วิตกจริตก็แฮปปี้ แต่ฝ่ายที่เคยคิดว่าประชาธิปไตยกินได้ ที่ให้โอกาสและความมั่นคงในชีวิต หรือฝ่ายที่ต้องการประชาธิปไตยก้าวหน้าจึงลุกขึ้นสู้ ผมจึงถูกรังแก ทุกวันนี้พระยังมาช่วยผม

“ทั้งหมดเป็นเรื่องของความขัดแย้งทางประชาธิปไตยเท่านั้นเอง มีคนบอกว่าเมื่อไรประเทศไทยจะแข่งกับประเทศสิงคโปร์ได้ ผมบอกเลยว่าหมูมาก”

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เหมือนการออกแบบบ้านที่มีการวางกับระเบิดไว้เต็มไปหมด ฉะนั้นรัฐบาลจึงทำงานได้ยาก วันนี้บรรดาผู้ที่หวั่นไหววิตกจริตต้องเลิกได้แล้ว มิฉะนั้นคนในบ้านจะไม่มีความสุขและทำมาหากินไม่ได้

“มีหลายคนใช้สถาบันมาฟาดฟันทางการเมือง ความจริงมีมาก่อนแล้ว แต่วันนี้มันหนักขึ้น จึงเป็นเรื่องของนักการเมืองที่ไม่สามารถสู้ในระบอบประชาธิปไตย ไม่คำนึงถึงทุกข์สุขของประชาชน จึงเกิดการปฏิวัติ หรือตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร สิ่งนี้ประชาชนเจ็บช้ำมากพอแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต่อสู้

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้พูดถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ในยามนี้จะยังไม่มีปรับอะไร เพราะมีเรื่องของพระราชพิธีเยอะแยะและเป็นปีสำคัญใครจะมานั่งปรับ ครม.ตอนนี้ มันไม่มีเวลาคิด แต่ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนขี้ลืม เพราะความจำแม่นมาก แต่บางทีต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

ผู้มีบารมีนอกราชอาณาจักร เล่าต่อว่า เมื่อก่อนเราเป็นผู้นำอาเซียน แต่วันนี้ประเทศไทยทะเลาะกันเองจึงเป็นภาระของอาเซียนที่จะนำพาภูมิภาค “ทางสหรัฐอเมริกาเขาบ่นว่า ประชาธิปัตย์ตอนนั้น พอเป็นรัฐบาลโอเคกับนาซา พอเป็นฝ่ายค้านไม่เอากับนาซา แสดงให้เห็นว่าเราเล่นการเมืองไม่เลือก”

ก่อนทิ้งท้ายว่า “ไม่ต้องห่วงผม ถ้าไม่ได้กลับประเทศ ผมก็ไม่เห็นตายเลย ผมอยู่เมืองนอกเพื่อนมาเยอะแยะ ไปไหนมีเครื่องบินส่วนตัว ทุกวันนี้ตายได้ ขอเพียงให้บ้านเมืองประชาชนอยู่สุขสบายก็พอ”