posttoday

ปปช.ฟันสุเทพแทรกแซงข้าราชการประจำ

26 กรกฎาคม 2555

มติปปช. ชงวุฒิสภาถอดถอนสุเทพ พ้นรองนายกฯ ผิดแทรกแซงข้าราชการประจำ ส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี

มติปปช. ชงวุฒิสภาถอดถอนสุเทพ พ้นรองนายกฯ ผิดแทรกแซงข้าราชการประจำ ส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี

นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุมป.ป.ช.ได้มีมติส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งจากกรณีที่ทำหนังสือสำนักนายกฯที่นร 0405/(ลร1)/ว./600 ลงวันที่ 25 ก.พ.2552 ถึงรมว.วัฒนธรรมส่งสส.พรรคประชาธิปัตย์ และบุคคลอื่นจำนวน 19 ราย ไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรม อันเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 268 และมาตรา 266 (1) ของรัฐธรรมนูญ2550ว่าด้วยการห้ามไม่ให้สส.ใช้ตำแหน่งเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ตนเอง

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่านายสุเทพ ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการกระทรวงวัฒนธรรมและไม่มีอำนาจหน้าที่ในการแต่งตั้งหรือจัดส่งสส.ไปช่วยราชกการในกระทรวงวัฒนธรรม และไม่ใช่อำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงไว้จ่อรัฐสภา การกระทำของนายสุเทพเป็นการใช้สถานะ หรือตำแหน่งรองนายกฯก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติราชการของกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อประโยชน์ตนเองในทางการเมืองในการสร้างฐานเสียงและเพื่อประโยชน์ของสส.หรือของพรรคประชาธิปัตย์ในด้านฐานเสียงหรือคะแนนเสียง อันเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266(1)

"ป.ป.ช.จึงมีมติว่านายสุเทพมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญให้ส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมความเห็นไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อพิจารณาถอดถอนออกตำแหน่งโดยเร็วไปตามมาตรา 272 วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญต่อไป" นายกล้านรงค์ กล่าว

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.มีมติยกคำร้องขอให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ ออกจากตำแหน่งในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการจากกรณีที่นายอภิสิทธิ์มอบหมายให้นายสุเทพ ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรมอยู่ในบังคับบัญชาของนายกฯ

"ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2547 ไม่ได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาไว้เป็นอย่างอื่น หรือไม่ได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้หรือมิได้กำหนดห้ามมิให้นายกฯมอบอำนาจให้รองนายกฯปฏิบัติราชการแทน จึงมีอำนาจตามพ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ.2534 ดังนั้นจึงฟังไม่ได้ว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือฝฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรง" นายกล้านรงค์ กล่าว

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัจตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้มีคำสั่งสำนักนายกฯที่ 43/2547 ลงวันที่ 1 มี.ค.2547 ที่ 16/2547 ลงวันที่ 1 ก.ค.2547 ที่ 274/2547 ลงวันที่ 7 ต.ค.2547 ที่ 61/2548 ลงวันที่ 14 มี.ค.2548 และ ที่ 281/2548 ลงวันที่ 4 ส.ค.2548 มอบหมายและมอบอำนาจให้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกฯ และ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ ปฎิบัติหน้าที่ประธานก.ตร.และก.ต.ช.