posttoday

ผู้ตรวจการฯชี้นายกฯว.5 โฟร์ซีซั่นไม่ผิดจริยธรรม

13 กรกฎาคม 2555

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้ นายกฯ ว.5 โฟร์ซีซั่น -ผลประโยชน์ทับซ้อน พบหลักฐานไม่พอชี้ให้เห็นว่าได้กระทำการผิดประมวลจริยธรรม

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้ นายกฯ ว.5 โฟร์ซีซั่น -ผลประโยชน์ทับซ้อน พบหลักฐานไม่พอชี้ให้เห็นว่าได้กระทำการผิดประมวลจริยธรรม

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงผลการวินิจฉัยของคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีมีผู้ร้องเรียนนายกรัฐมนตรี 2 กรณี คือ ไม่เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไปทำธุระส่วนตัวที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทำที่อาจฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 เพราะในการประชุมวันดังกล่าว ยังไม่มีประเด็นที่นายกรัฐมนตรีต้องชี้แจง เมื่อมีงานที่ต้องรับผิดชอบเร่งรัดการแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน จึงเข้าร่วมประชุมไม่ได้ และเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้มาเข้าร่วมประชุมตามปกติ จึงไม่ถือว่าขาดการประชุม อีกทั้งเอกสารหลักฐานคำร้องเรียน ไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ หรือนำไปสู่ประโยชน์ของกลุ่มบุคคลใด และไม่ส่อไปในทางชู้สาว เพราะมีผู้ร่วมเดินทางไปหลายคน ประกอบกับเป็นสถานที่เปิดเผย จึงวินิจฉัยให้ยุติการพิจารณา

ส่วนกรณีปฏิบัติผิดมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีผลประโยชน์ทับซ้อน (โครงการบ้านหลังแรก)ผู้ตรวจการแผ่นดิน วินิจฉัยว่า ไม่เป็นการกระทำที่ขัดหรือฝ่าฝืนต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 เพราะนายกรัฐมนตรี ได้ลาออกจากตำแหน่งบริหารของบริษัทเอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชนแล้ว และไม่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจ โดยสถานะทางกฏหมาย นายกรัฐมนตรีและบริษัท จึงไม่เกี่ยวข้องกัน อีกทั้งโครงการบ้านหลังแรกเป็นโครงการของกระทรวงการคลัง ที่ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อบ้านได้ด้วยตนเองโดยอิสระ ไม่สามารถบังคับให้ซื้อบ้านจากบริษัทเป็นการเฉพาะได้ ส่วนการถือหุ้นของนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 0.85 ก็ไม่เป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามกฏหมายกำหนดว่ารัฐมนตรีจะถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด  จึงให้ยุติการพิจารณา

ทั้งนี้ ได้มีหนังสือแจ้งผลการวินิจฉัยถึงนายกฯและผู้ร้องทั้ง 2 กรณีแล้ว