สภาทนายเตือนกลุ่มการเมืองหยุดข่มขู่ศาล
"สภาทนาย"ออกแถลงการณ์ เตือน กลุ่มข่มขู่ กดดัน ชี้นำศาล รธน. ระวังผิดกฎหมายอาญา เรียกร้องหยุดการกระทำ
"สภาทนาย"ออกแถลงการณ์ เตือน กลุ่มข่มขู่ กดดัน ชี้นำศาล รธน. ระวังผิดกฎหมายอาญา เรียกร้องหยุดการกระทำ
นายเจษฎา อนุจารี อุปนายกฝ่ายนโยบายและแผนงาน ออกแถลงการณ์สภาทนายความ ติงการข่มขู่กดดัน การวินิจฉัยชี้ขาดคดีแก้ร่างรัฐธรรมนูญ ขัด มาตรา 68 ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลและสมาชิกพรรคการเมืองบางคน แสดงความคิดเห็นหรือรวมตัวชุมนุมในที่สาธารณะหน้าศาลรัฐธรรมนูญลักษณะข่มขู่ กดดัน ชี้นำตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยคดีในทางที่เป็นคุณแก่ตนเองและพวกพ้องนั้น
สภาทนายความเห็นว่า การวินิจฉัยชี้ขาดคดีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญโดยปราศจากอคติ 4 คือ ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติและภยาคติ ตามคติบรรพบูรพาจารย์ของตุลาการ โดยแม้ว่ารัฐธรรมนูญ ฯ รับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพการชุมนุมไว้ตาม มาตรา 45 และ 63 แต่การใช้เสรีภาพดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น และต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นด้วย
การแสดงความคิดเห็น หรือรวมตัวกันในลักษณะข่มขู่ กดดัน และชี้นำตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็นการกระทำความผิดฐานข่มขืนใจ เจ้าพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือให้ละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และอาจเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาและพิพากษาของศาล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 139 และ 198 นอกจากนี้การข่มขู่ กดดัน ชี้นำตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการทำลายระบบตุลาการที่เป็นเสาหลักในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
"สภาทนายความ ขอเรียกร้องให้ยุติการข่มขู่ กดดันและชี้นำตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาพิพากษาคดีภายใต้พระปรมาภิไธยได้โดยอิสระและเที่ยงธรรม ตามรัฐธรรมนูญ ฯ ปี 2550และขอสนับสนุนให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีโดยปราศจากอคติ 4"นายเจษฎา ระบุ